Disclosure Form แบบรายงานประจำปีสำหรับกิจการที่มีความสัมพันธ์กัน

ในประเทศไทย Disclosure Form หรือแบบรายงานประจำปีสำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดที่มีความสัมพันธ์กันตามมาตรา 71 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร เป็นแบบฟอร์มที่ใช้เพื่อ เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับรายการธุรกรรมระหว่างกัน ของบริษัทในเครือหรือบริษัทที่มีความสัมพันธ์กันตามที่กฎหมายกำหนด วัตถุประสงค์หลัก แบบฟอร์มนี้ถูกนำมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์หลักในการป้องกันการกำหนดราคาโอน (Transfer Pricing) ที่ไม่เป็นไปตามราคาตลาด ซึ่งอาจนำไปสู่การหลีกเลี่ยงภาษี กรมสรรพากรใช้แบบฟอร์มนี้เพื่อตรวจสอบว่า: บริษัทมีการกำหนดราคาซื้อขายสินค้าระหว่างกันอย่างเป็นธรรมหรือไม่ (ราคาตามหลักการที่พึงกระทำ – Arm’s Length Principle) มีการถ่ายโอนกำไรไปยังบริษัทในเครือที่มีอัตราภาษีต่ำกว่าหรือไม่ บริษัทที่มีความสัมพันธ์กันตามมาตรา 71 ทวิ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจะถือว่ามีความสัมพันธ์กันหากเข้าข่ายอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้: การถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วน: บริษัทหนึ่งถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนในอีกบริษัทหนึ่งไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมตั้งแต่ 50% ขึ้นไปของทุนทั้งหมด การควบคุมการบริหาร: ผู้ถือหุ้นหรือหุ้นส่วนรายเดียวกัน หรือบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันเป็นผู้ถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนในทั้งสองบริษัทไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมตั้งแต่ 50% ขึ้นไปของทุนทั้งหมด ความสัมพันธ์ด้านอำนาจควบคุม: มีความสัมพันธ์กันในด้านทุน, การจัดการ, หรือการควบคุม ซึ่งทำให้ฝ่ายหนึ่งมีอำนาจในการควบคุมการตัดสินใจของอีกฝ่ายหนึ่ง ข้อมูลที่ต้องรายงานใน Disclosure Form แบบฟอร์มนี้จะขอให้กิจการเปิดเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับธุรกรรมระหว่างกัน ได้แก่: ข้อมูลบริษัทที่เกี่ยวข้อง: รายชื่อบริษัทในเครือหรือบริษัทที่มีความสัมพันธ์กัน ลักษณะความสัมพันธ์: ระบุว่าความสัมพันธ์นั้นเป็นไปในรูปแบบใด เช่น การถือหุ้น หรือการควบคุม รายละเอียดธุรกรรมระหว่างกัน: […]

เปิดบริษัท หรือหจก.ด้วยตัวเอง เริ่มต้นจาก 0 ต้องรู้อะไรบ้าง?

ใครถือหุ้นบ้าง? บริษัทจำกัดจะต้องมีผู้ถือหุ้นอย่างน้อย 2 คน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1097 และการแบ่งสัดส่วนหุ้นมากหรือน้อยมีผลกระทบโดยตรงต่อส่วนแบ่งกำไรขาดทุนของบริษัท การแบ่งสัดส่วนหุ้น ผลกระทบต่อส่วนแบ่งกำไร: การแบ่งสัดส่วนหุ้นมีความสัมพันธ์โดยตรงกับส่วนแบ่งกำไร (เงินปันผล) ที่ผู้ถือหุ้นจะได้รับ หากบริษัทมีกำไรและที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติให้จ่ายเงินปันผล ผู้ถือหุ้นจะได้รับเงินปันผลตามสัดส่วนการถือหุ้นของตนเอง ตัวอย่าง: หากคุณถือหุ้น 70% และหุ้นส่วนอีกคนถือหุ้น 30% เมื่อบริษัทมีกำไร 100,000 บาท และมีมติจ่ายเงินปันผลทั้งหมด คุณจะได้รับเงินปันผล 70,000 บาท (70%) ส่วนหุ้นส่วนของคุณจะได้รับ 30,000 บาท (30%) ผลกระทบต่อส่วนแบ่งขาดทุน: การแบ่งสัดส่วนหุ้นมีผลต่อการรับผิดชอบต่อหนี้สินของบริษัทในกรณีที่ขาดทุนหรือบริษัทต้องเลิกกิจการ ผู้ถือหุ้นจะรับผิดชอบหนี้สินเท่ากับมูลค่าหุ้นที่ตนเองถืออยู่เท่านั้น โดยส่วนแบ่งขาดทุนจะคิดตามสัดส่วนการถือหุ้น ตัวอย่าง: หากบริษัทขาดทุน 50,000 บาท การขาดทุนจะถูกบันทึกในงบการเงินตามสัดส่วนการถือหุ้น และหากต้องเพิ่มทุน ผู้ถือหุ้นแต่ละคนก็จะมีสิทธิเพิ่มทุนตามสัดส่วนเดิม สรุป การแบ่งสัดส่วนหุ้นไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของจำนวนเงินที่ลงทุน แต่ยังเป็นเรื่องของ อำนาจในการบริหารและสิทธิในการออกเสียง ในที่ประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อการตัดสินใจสำคัญของบริษัทด้วยค่ะ เงินทุนเท่าไหร่? ในการเริ่มต้นจดทะเบียนเปิดบริษัท การกำหนดเงินทุนจดทะเบียนที่เหมาะสมถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะไม่ใช่แค่การกำหนดตัวเลขในเอกสาร แต่เป็นเรื่องของความมั่นคงทางการเงินของธุรกิจในระยะเริ่มต้น ซึ่งเป็นช่วงที่กิจการยังไม่มีรายได้ การพิจารณาเงินทุนที่เหมาะสม […]

(2)ข้อคิดดีๆ เกี่ยวกับการวางแผนภาษีและทำบัญชี

หลายกิจการที่มียอดขายดีแต่กลับประสบปัญหาขาดทุนหรือไปต่อไม่ได้ มักมีสาเหตุมาจากการบริหารจัดการภายในที่ไม่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะปัญหาเรื่อง สินค้าคงเหลือ (Inventory) และ ลูกหนี้ (Accounts Receivable) ที่มากเกินไป ทำให้เกิด “ต้นทุนจม” และขาดสภาพคล่องทางการเงิน ปัญหาที่เกิดจากการตุนสินค้ามากเกินไป การตุนสินค้าไว้ในสต๊อกมากเกินไป ส่งผลเสียต่อธุรกิจในหลายมิติ: ต้นทุนจม (Sunk Cost): เงินทุนจำนวนมากถูกล็อกไว้ในสินค้าที่ยังขายไม่ได้ ทำให้กิจการขาดเงินหมุนเวียนที่จะนำไปใช้จ่ายที่จำเป็นอื่นๆ เช่น ค่าเช่า, เงินเดือนพนักงาน, หรือการลงทุนใหม่ๆ เงินทุนนี้จึงเหมือน “จม” อยู่ในสต๊อก และไม่สามารถนำมาสร้างรายได้ในระยะสั้นได้ ความเสี่ยงจากสินค้าล้าสมัยหรือเสื่อมสภาพ: สินค้าบางประเภทมีอายุการใช้งานจำกัด หรืออาจตกเทรนด์ ทำให้มีโอกาสที่จะขายไม่ได้และต้องตัดจำหน่ายในที่สุด ซึ่งเท่ากับเป็นการขาดทุนเต็มจำนวน ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา: การเก็บสินค้าจำนวนมากต้องมีค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บ, ค่าประกัน, และค่าดูแลรักษาโกดัง ซึ่งเป็นต้นทุนแฝงที่ไม่ควรมองข้าม สภาพคล่องทางการเงินต่ำ: เมื่อเงินจมอยู่ในสินค้า ทำให้กิจการขาดเงินสดในมือ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินหรือต้องการขยายกิจการก็ไม่สามารถทำได้ ต้องพึ่งพาการกู้ยืมจากภายนอก ซึ่งนำไปสู่ปัญหาต่อไป ปัญหาจากลูกหนี้ที่เก็บเงินไม่ได้ เมื่อกิจการมีลูกหนี้จำนวนมากแต่ไม่สามารถเก็บเงินได้ ก็จะยิ่งทำให้สภาพคล่องทางการเงินแย่ลงไปอีก เพราะเงินที่ควรจะได้รับมาหมุนเวียนในกิจการกลับกลายเป็นเพียง “ตัวเลข” ในบัญชี ทำให้: เงินทุนจมซ้ำซ้อน: นอกจากเงินทุนจะจมอยู่ในสินค้าแล้ว ยังไปจมอยู่ในลูกหนี้ที่ยังเก็บไม่ได้อีก […]

(1)ข้อคิดดีๆ เกี่ยวกับการวางแผนภาษีและทำบัญชี

เรื่องการจัดการด้านการเงินในองค์กรเป็นเรื่องที่สำคัญและละเอียดอ่อนมาก ดังนั้นการคัดเลือกพนักงานที่จะมาดูแลด้านนี้จึงต้องใช้ความรอบคอบอย่างสูงค่ะ เหตุผลที่ต้องมีกฎเข้มงวดกับพนักงานการเงิน การป้องกันการทุจริต (Fraud Prevention): ฝ่ายการเงินเป็นฝ่ายที่เข้าถึงเงินสด บัญชีธนาคาร และข้อมูลทางการเงินของบริษัทได้โดยตรง หากไม่มีการควบคุมที่เข้มงวด อาจเปิดช่องให้เกิดการทุจริตได้ง่าย กฎที่เข้มงวด เช่น การแบ่งหน้าที่การทำงาน การกำหนดวงเงินในการอนุมัติ และการตรวจสอบเอกสาร ทำให้พนักงานไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินโดยพลการได้ ความถูกต้องของข้อมูล (Data Accuracy): ข้อมูลทางการเงินเป็นหัวใจของการบริหารธุรกิจ หากมีการบันทึกที่ไม่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นเพราะความผิดพลาดหรือเจตนาทุจริต ก็จะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของผู้บริหาร และอาจทำให้บริษัทขาดทุนหรือเสียโอกาสทางธุรกิจ กฎระเบียบที่เข้มงวดช่วยให้การบันทึกบัญชีเป็นไปอย่างถูกต้องและแม่นยำ ความน่าเชื่อถือของบริษัท (Corporate Integrity): บริษัทที่มีระบบการจัดการการเงินที่โปร่งใสและตรวจสอบได้จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้น คู่ค้า และสถาบันการเงิน การมีกฎที่ชัดเจนและปฏิบัติอย่างเคร่งครัดแสดงให้เห็นถึงความจริงจังในการบริหารงานและธรรมาภิบาลที่ดี การปฏิบัติตามกฎหมาย (Legal Compliance): ทุกบริษัทมีหน้าที่ต้องทำบัญชีและยื่นงบการเงินต่อหน่วยงานราชการอย่างถูกต้อง การมีกฎระเบียบที่เข้มงวดช่วยให้การจัดทำเอกสารและการยื่นภาษีเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ทำไมทุกการเบิกจ่ายต้องมีรายละเอียดที่ชัดเจน เพื่อการตรวจสอบและควบคุม: รายละเอียดที่ชัดเจนจะช่วยให้สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ว่าเงินที่จ่ายไปนั้นใช้เพื่อวัตถุประสงค์อะไร และเป็นไปตามแผนงบประมาณหรือไม่ การระบุรายละเอียดอย่างชัดเจนยังช่วยป้องกันการเบิกเงินเกินความจำเป็นหรือการใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เพื่อการบันทึกบัญชี: นักบัญชีจำเป็นต้องมีข้อมูลที่ครบถ้วนเพื่อทำการบันทึกบัญชีให้ถูกต้อง หากไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน การลงบัญชีอาจผิดพลาดได้ เพื่อเป็นหลักฐานทางกฎหมาย: เอกสารการเบิกจ่ายที่มีรายละเอียดครบถ้วนจะใช้เป็นหลักฐานสำคัญในการตรวจสอบจากหน่วยงานภายนอก เช่น ผู้สอบบัญชีและกรมสรรพากร หากไม่มีเอกสารที่ชัดเจน การเบิกจ่ายนั้นอาจไม่สามารถนำมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทได้ สรุปข้อคิดด้านการรับพนักงาน เลือกคนที่ซื่อสัตย์เป็นอันดับแรก: […]