เปรียบเทียบอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และนิติบุคคล!

ในระบบภาษีของประเทศไทย ภาษีเงินได้สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งมีอัตราและหลักเกณฑ์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน 1. อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เป็นภาษีที่จัดเก็บจากเงินได้ของบุคคลทั่วไป หรือห้างหุ้นส่วนสามัญและคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล โดยคำนวณตามอัตราภาษีแบบก้าวหน้า (Progressive Rate) ซึ่งหมายถึงยิ่งมีเงินได้สุทธิมาก อัตราภาษีก็จะยิ่งสูงขึ้น เงินได้สุทธิ (บาท) อัตราภาษี (%) ภาษีสะสมสูงสุดในขั้น (บาท) 0 – 150,000 0 0 150,001 – 300,000 5 7,500 300,001 – 500,000 10 27,500 500,001 – 750,000 15 65,000 750,001 – 1,000,000 20 115,000 1,000,001 – 2,000,000 25 365,000 2,000,001 – […]
ความแตกต่างของใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปแบบ vs แบบอย่างย่อ

ในการซื้อขายสินค้าหรือบริการ ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) มีหน้าที่ออกใบกำกับภาษี ซึ่งเอกสารนี้มีอยู่ 2 รูปแบบหลัก คือ ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป และ ใบกำกับภาษีอย่างย่อ โดยทั้งสองแบบมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนตามกฎหมาย ดังนี้ ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป (Full Tax Invoice) เป็นเอกสารหลักที่ใช้สำหรับการซื้อขายทั่วไป ซึ่งผู้ซื้อสามารถนำไปใช้เป็นหลักฐานในการขอคืนภาษีซื้อได้ หัวข้อ รายละเอียด ผู้มีสิทธิออก ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มทุกรายที่มีการขายสินค้าหรือให้บริการแก่ผู้ซื้อทั่วไป ผู้มีสิทธิรับ ผู้ซื้อสินค้าหรือบริการที่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (นิติบุคคล) และบุคคลทั่วไป ด้านรายละเอียดผู้ซื้อ ต้องระบุข้อมูลของผู้ซื้ออย่างครบถ้วนและถูกต้อง ได้แก่ • ชื่อ-สกุล หรือชื่อบริษัท • ที่อยู่ • เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร ด้านรายละเอียดสินค้าและบริการ ต้องระบุรายละเอียดอย่างชัดเจน ได้แก่ • ชื่อ ชนิด ประเภท • จำนวน ปริมาณ และมูลค่าของสินค้าหรือบริการ ด้านจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่ม ต้องระบุภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) โดยแยกจากมูลค่าสินค้าหรือบริการอย่างชัดเจน เช่น • มูลค่าสินค้า: […]
เงินช่วยเหลือค่าโทรศัพท์พนักงานแก่พนักงาน เป็นค่าใช้จ่ายได้

ในมุมมองของกฎหมายภาษี เงินช่วยเหลือค่าโทรศัพท์ที่บริษัทจ่ายให้พนักงานสามารถแบ่งพิจารณาได้เป็น 2 กรณีหลัก ซึ่งมีผลทางภาษีที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง กรณีที่ 1: เงินค่าโทรศัพท์ที่จ่ายตามจริง (Reimbursement) กรณีนี้คือบริษัทจ่ายเงินคืนให้พนักงานตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงและเกี่ยวข้องกับการทำงานของบริษัท โดยมีเงื่อนไขดังนี้ เงื่อนไขที่กรมสรรพากรยอมรับ: ต้องมีหลักฐานประกอบ: พนักงานต้องนำใบแจ้งหนี้ค่าโทรศัพท์ในนามของพนักงาน มาให้บริษัทเพื่อเบิกจ่าย โดยในใบแจ้งหนี้นั้นต้องมีการระบุรายละเอียดการใช้งาน เช่น หมายเลขโทรศัพท์ที่ติดต่อ หรือระยะเวลาในการโทรออก เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นการใช้เพื่อกิจการของบริษัทจริง ต้องใช้เพื่อกิจการของบริษัทโดยตรง: ค่าใช้จ่ายดังกล่าวต้องเกิดขึ้นจากการปฏิบัติงานของพนักงานตามหน้าที่ เช่น การโทรติดต่อลูกค้า, ติดต่อคู่ค้า, หรือประสานงานในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัท ต้องมีการบันทึกที่ชัดเจน: บริษัทควรมีระเบียบหรือนโยบายการเบิกจ่ายที่ชัดเจน และควรมีการอนุมัติการเบิกจ่ายจากผู้มีอำนาจ ผลทางภาษี: สำหรับบริษัท: บริษัทสามารถนำค่าใช้จ่ายส่วนนี้มาลงเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทได้ตามจริง ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับกิจการและมีสิทธิ์หักได้ สำหรับพนักงาน: เงินค่าโทรศัพท์ที่จ่ายตามจริงในส่วนที่ใช้เพื่อกิจการของบริษัทนี้ “ไม่ถือเป็นเงินได้ของพนักงาน” เพราะเป็นเพียงการจ่ายคืนเงินที่พนักงานได้สำรองจ่ายไปก่อนหน้านี้เพื่อประโยชน์ของบริษัท ดังนั้นจึงไม่ต้องนำไปคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา การหักภาษี ณ ที่จ่าย: เมื่อเงินส่วนนี้ไม่ถือเป็นเงินได้ของพนักงาน บริษัทจึง “ไม่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย” ของพนักงานแต่อย่างใด กรณีที่ 2: เงินช่วยเหลือค่าโทรศัพท์แบบเหมาจ่าย (Fixed Allowance) กรณีนี้คือบริษัทจ่ายเงินเป็นจำนวนคงที่ให้พนักงานในแต่ละเดือน โดยไม่สนใจว่าพนักงานจะใช้โทรศัพท์มากน้อยแค่ไหน เงื่อนไขที่กรมสรรพากรยอมรับ: […]
เอกสารประกอบค่าน้ำมันรถยนต์ ทำถูกต้อง ถูกใจสรรพากรยอมรับ!

การนำค่าน้ำมันรถยนต์ที่ไม่ได้เป็นของบริษัท มาเป็นค่าใช้จ่ายทางบัญชีและภาษีได้อย่างถูกต้องตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากรนั้น ต้องมีเอกสารประกอบที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือ โดยเอกสารที่สำคัญที่สุดคือ สัญญาเช่ารถยนต์ หรือ หนังสือยินยอมให้ใช้รถยนต์ ซึ่งต้องมีรายละเอียดที่ครบถ้วนดังต่อไปนี้ 1. สัญญาเช่ารถยนต์ ในกรณีที่บริษัทเช่ารถยนต์จากบุคคลภายนอก (เช่น จากพนักงานหรือจากบุคคลอื่น) เพื่อใช้ในกิจการ สัญญาเช่ารถยนต์จะต้องมีรายละเอียดสำคัญดังนี้ ผู้ให้เช่าและผู้เช่า: ระบุชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของทั้งสองฝ่ายอย่างชัดเจน โดยผู้เช่าต้องเป็น “บริษัท” รายละเอียดรถยนต์ที่เช่า: ระบุยี่ห้อ รุ่น เลขทะเบียนรถยนต์ และเลขตัวถัง ให้ถูกต้องครบถ้วน ระยะเวลาการเช่า: ระบุวันที่เริ่มต้นและสิ้นสุดสัญญาเช่าอย่างชัดเจน ค่าเช่า: ระบุจำนวนค่าเช่าที่แน่นอนและวิธีการชำระค่าเช่า (เช่น ชำระเป็นรายเดือน) วัตถุประสงค์ในการใช้รถ: ระบุวัตถุประสงค์การใช้รถยนต์เพื่อกิจการของบริษัทโดยเฉพาะ หน้าที่ความรับผิดชอบ: ระบุหน้าที่ความรับผิดชอบของทั้งผู้ให้เช่าและผู้เช่า เช่น ผู้เช่าเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายค่าน้ำมันและค่าซ่อมบำรุง การอากรแสตมป์: สัญญาเช่ารถยนต์ถือเป็นตราสารตามประมวลรัษฎากร ผู้เช่ามีหน้าที่ต้องปิดอากรแสตมป์ให้ถูกต้องตามกฎหมาย 2. หนังสือยินยอมให้ใช้รถยนต์ ในกรณีที่เจ้าของรถยนต์ (เช่น กรรมการหรือพนักงาน) อนุญาตให้บริษัทนำรถส่วนตัวมาใช้ในกิจการโดยไม่ได้ทำสัญญาเช่าอย่างเป็นทางการ ควรมีการจัดทำ หนังสือยินยอมให้ใช้รถยนต์ โดยมีรายละเอียดดังนี้ ผู้ยินยอมและผู้รับความยินยอม: ระบุชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของเจ้าของรถ […]