สรรพากรส่งหนังสือเชิญพบ ต้องเตรียมตัวอย่างไร? กับการที่กิจการได้รับ หนังสือเชิญพบ (Notice of Investigation) จากกรมสรรพากร ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องให้ความใส่ใจอย่างยิ่งยวด และการทำความเข้าใจประเด็นที่ถูกเรียกพบให้ถ่องแท้ก่อนเข้าพบเจ้าหน้าที่สรรพากรนั้น ไม่ใช่เพียงแค่การเตรียมตัว แต่คือการกำหนดทิศทางของผลลัพธ์ทางภาษี ที่จะตามมา
นี่คือการอธิบายโดยละเอียดว่าเหตุใดจึงต้องทำความเข้าใจประเด็นให้ถ่องแท้ และเกี่ยวข้องกับภาษีประเภทใดบ้าง
1. เหตุผลหลักที่ต้องเข้าใจประเด็นให้ถ่องแท้
1.1 การจำกัดขอบเขตการตรวจสอบ (Limit the Scope)
- ป้องกันการบานปลาย: หากคุณไม่รู้ว่าสรรพากรต้องการเอกสารใดแน่ เจ้าหน้าที่มีแนวโน้มจะขอเอกสารทางบัญชีทั้งหมด (เช่น สมุดรายวัน, งบการเงิน, รายงานภาษีซื้อ-ขาย) โดยไม่มีขอบเขต ซึ่งอาจนำไปสู่การค้นพบข้อผิดพลาดอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นหลัก ทำให้การตรวจสอบ บานปลาย และใช้เวลานานขึ้น
- การควบคุมเอกสาร: เมื่อทราบประเด็นที่ชัดเจน กิจการสามารถจัดเตรียม เฉพาะเอกสารที่เกี่ยวข้อง เท่านั้น เพื่อนำไปชี้แจง และจะไม่เปิดเผยข้อมูลที่ไม่จำเป็นหรือข้อมูลที่อาจทำให้เกิดคำถามใหม่ ๆ
1.2 การเตรียมคำชี้แจงและหลักฐานที่สมบูรณ์ (Solid Defense)
- ชี้แจงอย่างมีเหตุผล: การทราบประเด็นทำให้คุณมีเวลาเตรียมคำชี้แจงอย่างมีเหตุผล มีกฎหมาย/ข้อหารือ/คำพิพากษามาสนับสนุนการลงบัญชีของคุณ
- แก้ไขข้อผิดพลาดล่วงหน้า: หากพบว่าการลงบัญชีในประเด็นที่ถูกเรียกพบผิดพลาดจริง กิจการสามารถเลือก ยื่นแก้ไขเพิ่มเติม (Amend) และชำระภาษีพร้อมเบี้ยปรับ/เงินเพิ่มด้วยตนเองก่อนเข้าพบ ซึ่งมักจะได้อัตราเบี้ยปรับ/เงินเพิ่มที่ต่ำกว่าการที่สรรพากรประเมินให้
1.3 การเจรจาต่อรองและลดภาระ (Negotiation Power)
- ความน่าเชื่อถือ: การนำเสนอข้อมูลที่ครบถ้วนและทำความเข้าใจในข้อกฎหมายอย่างดี จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับกิจการ และทำให้เจ้าหน้าที่มีความเชื่อมั่นในการตัดสินใจของคุณ
- ลดเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม: หากประเด็นนั้นเป็นเรื่องที่สามารถถกเถียงได้ หรือเป็นประเด็นที่ต้องอาศัยดุลยพินิจ การชี้แจงอย่างมืออาชีพและตรงประเด็นจะเพิ่มโอกาสในการเจรจาต่อรองให้เบี้ยปรับและเงินเพิ่มอยู่ในอัตราต่ำที่สุด
2. การทำความเข้าใจ “ประเด็น” กับ “ภาษีแต่ละประเภท”
ประเด็นที่สรรพากรเรียกพบ มักเกี่ยวข้องกับภาษีหลัก 3 ประเภท ซึ่งมีผลกระทบแตกต่างกัน:
A. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT – ภ.พ.30)
ภาษีประเภทนี้มักเกี่ยวข้องกับการ ซื้อ-ขาย และมีข้อสงสัยเกี่ยวกับ ความถูกต้องของใบกำกับภาษี
ประเด็นที่อาจถูกตรวจสอบ | ผลกระทบ |
ภาษีซื้อต้องห้าม | การนำภาษีซื้อที่ไม่เกี่ยวข้องกับกิจการ (เช่น ของไหว้, ค่าใช้จ่ายส่วนตัว) หรือภาษีซื้อที่ไม่มีใบกำกับภาษีที่สมบูรณ์มาเคลม |
ใบกำกับภาษีปลอม | การรับใบกำกับภาษีจากผู้ประกอบการที่ไม่ได้ประกอบกิจการจริง (ไม่สุจริต) |
การรับรู้รายได้ผิดพลาด | การไม่นำยอดขาย/รายได้ทั้งหมดมารวมคำนวณภาษีขาย |
B. ภาษีเงินได้นิติบุคคล (Corporate Income Tax – ภ.ง.ด.50)
ภาษีประเภทนี้มักเกี่ยวข้องกับการ กำไรสุทธิ และการ ลงรายจ่าย
ประเด็นที่อาจถูกตรวจสอบ | ผลกระทบ |
รายจ่ายต้องห้าม (Non-Deductible Expenses) | การนำรายจ่ายที่กฎหมายห้ามมาหัก (มาตรา 65 ตรี) เช่น รายจ่ายส่วนตัว, รายจ่ายที่พิสูจน์ผู้รับไม่ได้, ค่ารับรองเกินวงเงิน, การตั้งสำรองที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไข |
การรับรู้รายได้ไม่ครบถ้วน | การซ่อนรายได้ หรือบันทึกรายได้ต่ำกว่าความเป็นจริง |
ค่าเสื่อมราคา/ค่าสึกหรอ | การคำนวณอัตราค่าเสื่อมราคาผิด หรือนำสินทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้ในกิจการมาคิดค่าเสื่อม |
C. ภาษีหัก ณ ที่จ่าย (Withholding Tax – ภ.ง.ด.ต่างๆ)
ภาษีประเภทนี้เกี่ยวข้องกับการทำหน้าที่ ผู้หักภาษีแทนรัฐ
ประเด็นที่อาจถูกตรวจสอบ | ผลกระทบ |
ไม่หักภาษี ณ ที่จ่าย | การจ่ายค่าจ้างทำของ (3%), ค่าเช่า (5%), ค่าบริการวิชาชีพ (3%) โดยไม่ได้หักภาษี หรือหักในอัตราที่ผิดพลาด |
หักแล้วไม่นำส่ง | การหักภาษีไว้ถูกต้อง แต่ไม่ได้นำส่งสรรพากร หรือนำส่งล่าช้า |
ข้อสรุป: การทำความเข้าใจประเด็นที่ถูกเรียกพบอย่างถ่องแท้ก่อนเข้าพบเจ้าหน้าที่สรรพากร จะช่วยให้กิจการสามารถ คาดการณ์ยอดภาษีที่อาจถูกประเมิน, เตรียมหลักฐานเพื่อชี้แจงอย่างมีประสิทธิภาพ, และป้องกันการถูกประเมินภาษีผิดประเภท ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการบริหารความเสี่ยงทางภาษี

การได้รับ หนังสือเชิญพบ (Notice of Investigation) จากกรมสรรพากร ถือเป็นสัญญาณที่กิจการต้องให้ความสำคัญสูงสุด และการทำความเข้าใจ วัตถุประสงค์ ที่สรรพากรต้องการก่อนเข้าพบนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะส่งผลโดยตรงต่อการเตรียมข้อมูล, กลยุทธ์การชี้แจง, และผลลัพธ์ของการประเมินภาษี
3 วัตถุประสงค์หลักที่สรรพากรเรียกพบ
หนังสือเชิญพบมักจะระบุวัตถุประสงค์อย่างชัดเจน ซึ่งโดยหลักแล้วจะแบ่งออกเป็น 3 ระดับความรุนแรง (และรายละเอียดการเตรียมตัว) ดังนี้:
1. ขอข้อมูล (Request for Information/Clarification) 🔍
- วัตถุประสงค์: เจ้าหน้าที่ต้องการเอกสารหรือคำชี้แจงเพิ่มเติมเพียงเล็กน้อย เพื่อยืนยันความถูกต้องของรายการภาษีบางรายการ หรือต้องการข้อมูลประกอบการพิจารณา เช่น การยืนยันผู้รับเงิน หรือ การยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างผู้ซื้อ-ผู้ขาย
- ความรุนแรง: น้อยที่สุด มักเป็นการตรวจสอบเบื้องต้น หรือการขยายผลข้อมูลจากกิจการอื่น
- การเตรียมตัว:
- เน้นเอกสาร: เตรียมเฉพาะเอกสารที่ถูกระบุถึง หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องกับรายการนั้น ๆ เท่านั้น
- คำชี้แจง: ชี้แจงสั้น ๆ ตรงประเด็นตามที่ถูกถาม โดยไม่ควรขยายความไปยังประเด็นอื่น
2. ขอตรวจสอบ (Request for Examination/Audit) 📑
- วัตถุประสงค์: เจ้าหน้าที่ต้องการตรวจสอบสมุดบัญชี เอกสารหลักฐานทางการเงิน และเอกสารทางภาษีของกิจการ ทั้งระบบ หรือ เฉพาะบางประเด็น (เช่น ตรวจสอบความถูกต้องของรายจ่ายซื้อของไหว้เจ้า) เพื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลที่กิจการได้ยื่นภาษีไป
- ความรุนแรง: ปานกลาง ซึ่งเป็นการเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบภาษีอย่างเป็นทางการ
- การเตรียมตัว:
- วิเคราะห์ประเด็น: ต้องเข้าใจประเด็นที่ถูกสงสัย (เช่น ภาษีซื้อต้องห้าม, รายจ่ายต้องห้าม) ให้ถ่องแท้ และเตรียมหลักฐานที่สมบูรณ์ที่สุดเพื่อหักล้างข้อสงสัยนั้น
- ยื่นเอกสารอย่างมีขอบเขต: หากเป็นไปได้ ควรให้เจ้าหน้าที่ระบุรายการเอกสารที่ต้องการมาอย่างละเอียด เพื่อจำกัดขอบเขตการตรวจสอบ ไม่ควรยื่นเอกสารทั้งหมด หากเจ้าหน้าที่ไม่ได้ร้องขอทั้งหมด
3. ขอให้เป็นพยาน (Request to be a Witness) ⚖️
- วัตถุประสงค์: กิจการถูกเรียกพบในฐานะ บุคคลที่สาม (Third Party) ที่มีธุรกรรมกับกิจการอื่นที่กำลังถูกสรรพากรตรวจสอบอยู่
- ความรุนแรง: ต่ำ แต่มีความเสี่ยงที่ข้อมูลของกิจการจะถูกนำไปเชื่อมโยงกับการกระทำผิดของผู้อื่น
- การเตรียมตัว:
- เน้นธุรกรรม: เตรียมเฉพาะเอกสารที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมกับกิจการที่ถูกสอบสวนเท่านั้น เช่น ใบกำกับภาษีขายที่ออกให้, หลักฐานการรับเงิน
- ยืนยันความเป็นจริง: ให้การที่เป็นจริงตามเอกสารและข้อเท็จจริงของธุรกรรมที่เกิดขึ้น โดยต้องระวังไม่ให้ข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นหลักหลุดออกไป ซึ่งอาจกลายเป็นหลักฐานในการตรวจสอบกิจการของเราเองได้
ประโยชน์ของการทำความเข้าใจวัตถุประสงค์ก่อนเข้าพบ
ประโยชน์หลัก | คำอธิบาย |
ควบคุมขอบเขต | ป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ขยายขอบเขตการตรวจสอบเกินกว่าวัตถุประสงค์เริ่มต้น ซึ่งช่วยลดเวลาการตรวจสอบและความเสี่ยงในการค้นพบข้อผิดพลาดอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง |
ความน่าเชื่อถือ | การเตรียมข้อมูลตรงตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ จะแสดงถึงความโปร่งใสและความร่วมมือ ทำให้เจ้าหน้าที่สรรพากรพิจารณาด้วยความเป็นธรรมมากขึ้น |
วางแผนการตอบโต้ | หากเป็นการตรวจสอบ (Audit) เราสามารถทราบได้ว่าจะต้องใช้ข้อกฎหมาย, ข้อหารือ, หรือคำพิพากษาศาลใดมาอ้างอิงเพื่อสนับสนุนการลงบัญชีของเรา |
ประเมินความเสี่ยง | สามารถประเมินความเสี่ยงและคำนวณยอดภาษีที่ต้องชำระ (พร้อมเบี้ยปรับ/เงินเพิ่ม) หากพบข้อผิดพลาดได้ล่วงหน้า และอาจเลือก ยื่นแก้ไขเพิ่มเติม ก่อนเข้าพบเพื่อประหยัดเบี้ยปรับ |

การเตรียมหลักฐานเอกสารที่เกี่ยวข้องตามที่กรมสรรพากรต้องการให้พร้อมก่อนการเข้าพบเจ้าหน้าที่สรรพากรนั้น ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นข้อบังคับทางกฎหมาย และเป็นมาตรการสำคัญที่สุดในการ ป้องกันความเสียหายและภาระภาษีที่เกินจริง ที่อาจเกิดขึ้นกับกิจการ
1. ความสำคัญของการเตรียมหลักฐานเอกสารที่พร้อม
การจัดเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและเป็นระบบก่อนเข้าพบเจ้าหน้าที่มีความสำคัญด้วยเหตุผลหลักดังนี้:
A. พิสูจน์ความถูกต้องของรายจ่าย (Justify Expenses)
- ป้องกันการถูกปัดเป็นรายจ่ายต้องห้าม: หากกิจการไม่สามารถแสดงหลักฐานการจ่ายเงินที่ถูกต้อง (เช่น ใบเสร็จรับเงิน หรือ ใบกำกับภาษี) เจ้าหน้าที่สรรพากรจะถือว่ารายจ่ายนั้น “พิสูจน์ไม่ได้ว่าใครเป็นผู้รับ” (มาตรา 65 ตรี (18)) หรือ “ไม่เกี่ยวข้องกับกิจการ” (มาตรา 65 ตรี (13)) และจะถูก บวกกลับ เป็นกำไร ทำให้กิจการต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้น
- ยืนยันภาษีซื้อ: หากถูกตรวจสอบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) การมี ใบกำกับภาษีเต็มรูป ที่ถูกต้องเท่านั้นที่จะพิสูจน์ได้ว่ากิจการมีสิทธิ์นำภาษีซื้อมาหักได้ หากไม่มีเอกสารที่สมบูรณ์ ภาษีซื้อนั้นจะกลายเป็น ภาษีซื้อต้องห้าม
B. ลดโอกาสการประเมินเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม
- การแสดงความร่วมมือ: การที่กิจการสามารถนำส่งเอกสารที่เจ้าหน้าที่ร้องขอได้อย่างรวดเร็วและเป็นระเบียบ เป็นการแสดงความร่วมมือและความโปร่งใส ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่เจ้าหน้าที่ใช้พิจารณาในการ ผ่อนปรน หรือประเมิน เบี้ยปรับและเงินเพิ่ม ในอัตราที่ต่ำกว่า
- จบการตรวจสอบเร็วขึ้น: เมื่อเอกสารครบถ้วน เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบประเด็นที่สงสัยได้โดยไม่จำเป็นต้องขยายระยะเวลาการตรวจสอบ ซึ่งช่วยลดความไม่แน่นอนทางธุรกิจ
C. ควบคุมขอบเขตการตรวจสอบ
- ไม่เปิดช่องให้ถามเพิ่ม: เมื่อเอกสารที่เตรียมไปตอบคำถามของเจ้าหน้าที่ได้ครบถ้วนและชัดเจน จะช่วย จำกัดขอบเขต การตรวจสอบไว้ที่ประเด็นเดิมที่ถูกเรียกพบ และป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ขยายผลไปยังธุรกรรมอื่น ๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องตั้งแต่แรก

2. กรณีที่ไม่สามารถเข้าพบเจ้าหน้าที่สรรพากรได้ด้วยตนเอง
หากผู้บริหารหรือผู้มีอำนาจลงนามไม่สามารถเข้าพบเจ้าหน้าที่สรรพากรได้ด้วยตนเอง จำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องดำเนินการ มอบอำนาจ ให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน
A. เหตุผลที่ต้องมอบอำนาจ
- ความชอบด้วยกฎหมาย: เจ้าหน้าที่สรรพากรจะไม่สามารถดำเนินการตรวจสอบหรือรับฟังคำชี้แจงจากบุคคลที่ ไม่มีอำนาจ ดำเนินการทางกฎหมายแทนกิจการได้ หากไม่มีหนังสือมอบอำนาจ การเข้าพบนั้นอาจถือว่า ไม่มีผลทางกฎหมาย และกิจการอาจถูกเรียกพบซ้ำอีก
- ความรู้ความชำนาญ: การมอบอำนาจให้ นักบัญชี, ผู้สอบบัญชี, หรือที่ปรึกษาด้านภาษี เป็นผู้ดำเนินการแทน มักจะมีความได้เปรียบมากกว่า เนื่องจากบุคคลเหล่านี้มีความเข้าใจในข้อกฎหมายและภาษาทางบัญชีที่ใช้ในการโต้ตอบกับเจ้าหน้าที่ได้ดีกว่า
- การผูกพันทางกฎหมาย: หนังสือมอบอำนาจจะระบุขอบเขตอำนาจของผู้รับมอบไว้อย่างชัดเจน เช่น มีอำนาจในการชี้แจง, ยื่นเอกสาร, หรือแม้กระทั่งลงนามในแบบแจ้งความจำนงยอมรับการประเมินภาษี การมอบอำนาจจึงช่วยให้กระบวนการทางภาษี มีความต่อเนื่องและจบสิ้นได้ในคราวเดียว
B. เอกสารที่ต้องใช้ในการมอบอำนาจ
- หนังสือมอบอำนาจ (Power of Attorney): ต้องมีรูปแบบตามที่กฎหมายกำหนด (หรือตามแบบฟอร์มของกรมสรรพากร)
- ติดอากรแสตมป์: ต้องติดอากรแสตมป์ให้ถูกต้องตามมูลค่าที่กฎหมายกำหนด
- สำเนาบัตรประชาชน: สำเนาบัตรประชาชนของผู้มอบอำนาจ (ผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท) และผู้รับมอบอำนาจ (ผู้ที่จะเข้าพบแทน) พร้อมลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง
ข้อควรระวัง: หนังสือมอบอำนาจต้อง ระบุขอบเขตอำนาจให้ชัดเจน ว่าผู้รับมอบมีอำนาจทำอะไรได้บ้าง (เช่น ชี้แจง, ยื่นเอกสาร, ลงนามรับทราบผลการตรวจสอบ) เพื่อป้องกันปัญหาทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง

AccProTax รับทำบัญชี ตรวจสอบบัญชี วางแผนภาษี ประสบการณ์กว่า 25 ปี
“สะดวก รวดเร็ว เข้าใจ ให้คำปรึกษาเชิงรุก” คือสิ่งที่ AccProTax ให้ความสำคัญ
เพราะเราเข้าใจดีว่า “เรื่องภาษี” ไม่ใช่เรื่องเล็กที่มองข้ามได้ AccProTax จึงมุ่งเน้นการวางระบบบัญชีและภาษีที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันปัญหาการตีความผิดพลาดและลดความเสี่ยงจากการถูกเรียกเก็บย้อนหลัง ทีมงานของเรามีประสบการณ์กว่า 25 ปี ในการให้บริการทั้งการทำบัญชี ตรวจสอบบัญชี และวางแผนภาษีอย่างรอบด้าน พร้อมคำปรึกษาที่ช่วยให้ธุรกิจเดินหน้าได้อย่างถูกต้อง
ติดต่อ AccProTax ได้เลยวันนี้
AccProTax พร้อมให้คำปรึกษาและดำเนินการจดทะเบียนแบบครบวงจร
ฟรี! ให้คำแนะนำเบื้องต้น
มีแพ็กเกจรายเดือน ปิดงบ รายปี
ดูแลโดยทีมผู้เชี่ยวชาญจริง พร้อมให้บริการธุรกิจ SME ทุกประเภท
ฟรีคำปรึกษาเบื้องต้น
ดูแลเอกสารให้ครบ จดเสร็จในไม่กี่วัน
เฟซบุ๊ก: www.facebook.com/accprotax/
อีเมล: accprotax@gmail.com
โทร: 02-124-3062
LineOA: @accprotax
เริ่มต้นจดทะเบียนบริษัทจำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัด การจัดทำบัญชี วางแผนภาษี และการขอใบอนุญาตต่างๆ อย่างถูกต้อง มีขั้นตอนที่ซับซ้อน ยุ่งยาก และใช้ระยะเวลานาน การมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านงานจดทะเบียนธุรกิจเป็นที่ปรึกษาและวางแผนอย่างใกล้ชิด เพื่อส่งข้อมูลต่อทางการอย่างถูกต้อง เป็นหัวใจสำคัญของก้าวแรกที่เริ่มต้นทำธุรกิจ เรายินดีให้บริการแก่ลูกค้าทุกท่าน พร้อมให้คำแนะนำในด้านการจดทะเบียน บริษัท(บจก.) ห้างหุ้นส่วนจำกัด(หจก.) อย่างครบวงจร รวมถึง จัดทำบัญชี และวางแผนภาษี (Tax Planning) ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ
เมื่อลูกค้าต้องการข้อมูล เรายินดีช่วยเหลือ ให้บริการที่รวดเร็ว ทันเวลา ราคาเหมาะสม คุยอย่างเป็นกันเอง ยินดีให้บริการอย่างเต็มที่ ด้วยความเต็มใจอย่างยิ่งค่ะ
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญฟรี
กรุณากรอกข้อมูล โดยผู้เชี่ยวชาญติดต่อกลับ ให้คำปรึกษาที่ตรงกับความต้องการของคุณได้อย่างรวดเร็ว