ลูกค้าของเรา นักธุรกิจต่างชาตินำเข้า และจำหน่ายเครื่องสำอางค์





“ลูกค้าของเรา นักธุรกิจต่างชาตินำเข้า และจำหน่ายเครื่องสำอางค์ มอบความไว้วางใจให้ทีมงานแอคโปรแท็ค (AccProTax) ดูแลให้คำปรึกษาการวางระบบบัญชี
และวางแผนภาษี ทำบัญชีรายเดือน โดยเข้าสำรวจพื้นที่กิจการผู้ประกอบ ธุรกิจนำเข้า และจำหน่ายเครื่องสำอางค์โดยลูกค้าชาวต่างชาติ
บริการประทับใจ ลูกค้าบริหารต้นทุน และประหยัดภาษีสูงสุด
ขอบพระคุณมากค่ะ”


รายงานสถานการณ์ธุรกิจนำเข้าเครื่องสำอางของประเทศไทยในปัจจุบัน และแนวโน้มอนาคต

ธุรกิจนำเข้าเครื่องสำอางในประเทศไทยเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่และเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้บริโภคชาวไทยให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองและมีความต้องการผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายจากทั่วโลก

สถานการณ์ปัจจุบัน (ณ กลางปี 2568):

  1. ตลาดขนาดใหญ่และเติบโตต่อเนื่อง:

    • ประเทศไทยเป็นตลาดเครื่องสำอางที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน และยังคงมีอัตราการเติบโตที่ดีอย่างสม่ำเสมอ แม้จะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกบ้าง

    • มูลค่าตลาดเครื่องสำอางรวมในไทยสูงถึงกว่าแสนล้านบาทต่อปี โดยสินค้ากลุ่มนำเข้ามีสัดส่วนค่อนข้างสูง

  2. ความหลากหลายของสินค้าที่นำเข้า:

    • แบรนด์ต่างประเทศ: ผู้บริโภคชาวไทยนิยมเครื่องสำอางจากหลากหลายประเทศ โดยเฉพาะเกาหลี ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา และแบรนด์จากตะวันตก

    • กลุ่มสินค้าที่ได้รับความนิยม: สกินแคร์ (ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าและผิวกาย) ยังคงเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด ตามมาด้วยเครื่องสำอางสำหรับแต่งหน้า ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม และน้ำหอม

  3. ช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลาย:

    • ห้างสรรพสินค้า/ร้านค้าปลีกเฉพาะทาง: ยังคงเป็นช่องทางหลักสำหรับแบรนด์พรีเมียมและเคาน์เตอร์แบรนด์

    • ออนไลน์/อีคอมเมิร์ซ: การเติบโตของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ (Shopee, Lazada, TikTok Shop) และ Social Commerce เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในการเข้าถึงผู้บริโภคอย่างกว้างขวาง ทำให้แบรนด์นำเข้าสามารถกระจายสินค้าได้ง่ายขึ้น

    • ร้านสะดวกซื้อ/ซูเปอร์มาร์เก็ต: สำหรับสินค้ากลุ่ม mass market หรือขนาดทดลอง (sachet) ที่เข้าถึงง่าย

    • คลินิกเสริมความงาม/โรงพยาบาล: สำหรับเครื่องสำอางที่ใช้ในคลินิกหรือเวชสำอางที่ต้องควบคุมโดยแพทย์

  4. ปัจจัยขับเคลื่อนตลาด:

    • โซเชียลมีเดียและอินฟลูเอนเซอร์: บทบาทของ KOLs/Influencers และรีวิวจากผู้ใช้จริงมีอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค ทำให้แบรนด์นำเข้ามักจะลงทุนในการตลาดผ่านช่องทางเหล่านี้

    • เทรนด์ความงามจากต่างประเทศ: ผู้บริโภคไทยมีความสนใจและติดตามเทรนด์ความงามจากต่างประเทศอย่างใกล้ชิด เช่น K-Beauty (เกาหลี), J-Beauty (ญี่ปุ่น)

    • กำลังซื้อและการเข้าถึงข้อมูล: ผู้บริโภคมีกำลังซื้อที่หลากหลาย และสามารถเข้าถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์จากทั่วโลกได้ง่ายขึ้น

  5. กฎระเบียบและการควบคุม:

    • อย. (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา): เครื่องสำอางที่นำเข้าทุกชนิดต้องขึ้นทะเบียนและได้รับการอนุญาตจาก อย. ก่อนจำหน่ายในประเทศไทย ซึ่งเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคและควบคุมมาตรฐาน

    • ความท้าทายด้านภาษีและศุลกากร: ผู้นำเข้าต้องจัดการเรื่องภาษีนำเข้าและขั้นตอนทางศุลกากรที่ซับซ้อน

แนวโน้มในอนาคต:

  1. Clean Beauty & Sustainable Beauty:

    • ส่วนผสมจากธรรมชาติ/ออร์แกนิก: ผู้บริโภคจะมองหาเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ออร์แกนิก ปราศจากสารเคมีอันตราย และมีการผลิตที่ไม่ทำร้ายสัตว์ (Cruelty-free) มากขึ้น

    • บรรจุภัณฑ์ยั่งยืน: แบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับการใช้บรรจุภัณฑ์ที่รีไซเคิลได้ หรือลดปริมาณขยะ จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น

    • ความโปร่งใส: ผู้บริโภคต้องการทราบแหล่งที่มาของส่วนผสมและกระบวนการผลิตที่โปร่งใส

  2. Personalized Beauty & Data-Driven Skincare:

    • AI และ Big Data: การนำเทคโนโลยี AI และ Big Data มาวิเคราะห์ข้อมูลผิวพรรณส่วนบุคคล เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม หรือแม้กระทั่งการสร้างสูตรเครื่องสำอางเฉพาะบุคคล

    • การวินิจฉัยผิวออนไลน์: การใช้แอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มในการวิเคราะห์สภาพผิวเบื้องต้น เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ตรงจุด

  3. Dermatological/Medical Grade Skincare:

    • เวชสำอาง: ความต้องการเครื่องสำอางที่พัฒนาโดยแพทย์ผิวหนัง หรือมีส่วนผสมที่เน้นผลลัพธ์ทางวิทยาศาสตร์ และปลอดภัยสำหรับผิวแพ้ง่าย จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมักจะจำหน่ายผ่านช่องทางคลินิกหรือเภสัชกร

    • สินค้าที่แก้ปัญหาเฉพาะทาง: เน้นผลิตภัณฑ์ที่แก้ปัญหาสภาพผิวต่างๆ เช่น สิว ฝ้า กระ ริ้วรอย หรือผิวแพ้ง่าย

  4. E-commerce Cross-border และ Social Commerce ที่เข้มข้นขึ้น:

    • การเข้าถึงตลาดโลก: ผู้บริโภคจะเข้าถึงเครื่องสำอางจากต่างประเทศได้ง่ายขึ้นผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน ทำให้การนำเข้าสินค้าต้องมีการแข่งขันกับช่องทางเหล่านี้

    • Livestreaming Commerce: การขายผ่านไลฟ์สดบนโซเชียลมีเดียจะยังคงเป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างการรับรู้และยอดขาย

    • Micro-influencers: แบรนด์จะหันมาใช้ Micro-influencers มากขึ้น เนื่องจากมีความน่าเชื่อถือและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เฉพาะเจาะจง

  5. Male Grooming และ Inclusive Beauty:

    • ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชาย: ตลาดเครื่องสำอางสำหรับผู้ชายจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ทั้งผลิตภัณฑ์บำรุงผิว แต่งหน้าเบื้องต้น และผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม

    • ความหลากหลาย: แบรนด์จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความหลากหลายของเฉดสีผิว ประเภทผิว และเพศสภาพมากขึ้น

  6. Regulation and Traceability:

    • การควบคุมที่เข้มงวด: ภาครัฐจะมีการควบคุมที่เข้มงวดมากขึ้นเกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ การโฆษณา และการตรวจสอบย้อนกลับ เพื่อปกป้องผู้บริโภค

    • ความท้าทายจากสินค้าปลอม/เลียนแบบ: การต่อสู้กับสินค้าปลอมหรือเลียนแบบที่เข้ามาในตลาดจะยังคงเป็นความท้าทายสำหรับผู้นำเข้าและเจ้าของแบรนด์

สรุปโดยรวม:

ธุรกิจนำเข้าเครื่องสำอางในประเทศไทยยังคงมีศักยภาพในการเติบโตสูง แต่จะเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงและข้อกำหนดที่เข้มงวดขึ้น ผู้ประกอบการจำเป็นต้องจับเทรนด์ความงามที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเทรนด์ Clean Beauty, Personalized Beauty และการใช้เทคโนโลยี เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ รวมถึงการบริหารจัดการเรื่องกฎระเบียบและช่องทางการตลาดออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจในระยะยาว

บริษัทแอคโปรแท็ค จำกัด รับทำบัญชี
เพราะลูกค้าคือคนสำคัญ

เรามีทีมงานที่มีประสบการณ์ด้านบัญชีและเชี่ยวชาญด้านวางแผนภาษีอากรอย่างสูงรับประกันธุรกิจของท่านจะได้การดูแล และประหยัดการเสียภาษีสูงสุด ยินดีให้คำปรึกษาสอบถามบริการ

แชร์บทความนี้ :
ค้นหา
บทความที่เกี่ยวข้อง
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม หรือคำปรึกษา

ติดต่อทีมงานของเราได้ทุกเมื่อเรายินดีให้บริการคุณอย่างเต็มที่