ภ.ง.ด. 54 คือ แบบยื่นรายการภาษีเงินได้นิติบุคคล ที่ใช้สำหรับกรณีพิเศษตามประมวลรัษฎากร มาตรา 70 และมาตรา 70 ทวิ กล่าวคือเป็นแบบที่ใช้สำหรับ นิติบุคคลหรือบริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศและไม่ได้เข้ามาประกอบกิจการในประเทศไทย แต่ได้รับเงินได้จากประเทศไทย ผู้ที่จ่ายเงินได้ในไทยจึงมีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายและนำส่งกรมสรรพากรด้วยแบบ ภ.ง.ด. 54 ภายใน 7 วันนับจากวันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงิน
เงินได้พึงประเมินที่เกี่ยวข้อง
ภ.ง.ด. 54 ครอบคลุมเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตาม มาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร ดังนี้:
- มาตรา 40(2) เงินได้เนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำหรือจากการรับทำงานให้: เช่น ค่าธรรมเนียม, ค่านายหน้า, เบี้ยประชุม, โบนัส หรือประโยชน์ใดๆ ที่ได้จากการทำงานให้บริษัทในไทย
- มาตรา 40(3) ค่าแห่งกู๊ดวิลล์ ค่าแห่งลิขสิทธิ์ หรือสิทธิอย่างอื่น: เช่น ค่าลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์, ค่าสิทธิในเครื่องหมายการค้า หรือค่าสิทธิบัตร
- มาตรา 40(4) เงินได้ที่เป็นดอกเบี้ยและเงินปันผล:
- ดอกเบี้ย: ดอกเบี้ยพันธบัตร, ดอกเบี้ยเงินกู้ยืม
- เงินปันผล: เงินปันผล เงินส่วนแบ่งกำไร หรือประโยชน์อื่นใดที่ได้จากบริษัทในไทย
- มาตรา 40(5) เงินได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน: เช่น ค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย
- มาตรา 40(6) เงินได้จากวิชาชีพอิสระ: เช่น ค่าแพทย์, ค่าวิศวกร, ค่านักกฎหมาย, ค่าสถาปนิก ที่ไม่ได้เป็นลูกจ้างหรือทำงานให้ในประเทศไทย
นอกจากนี้ ภ.ง.ด. 54 ยังใช้สำหรับการ จำหน่ายเงินกำไรตามมาตรา 70 ทวิ ซึ่งหมายถึงการโอนเงินกำไรที่กันไว้หรือที่ถือว่าเป็นเงินกำไรจากบริษัทในไทยออกไปต่างประเทศ ผู้ที่มีหน้าที่โอนเงินกำไรนี้จะต้องหักภาษีจากยอดเงินกำไรนั้นและนำส่งด้วยแบบ ภ.ง.ด. 54 ด้วยเช่นกันค่ะ
ภ.พ. 36 คือ แบบยื่นรายการภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการในประเทศไทยมีหน้าที่ต้องยื่นและนำส่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่มในกรณีที่ จ่ายค่าสินค้าหรือค่าบริการให้กับผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักร และไม่มีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในประเทศไทย . แบบฟอร์มนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศ เพราะเป็นวิธีที่รัฐบาลไทยใช้ในการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากธุรกรรมข้ามพรมแดน
ภ.พ. 36 เกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง?
ภ.พ. 36 จะถูกนำมาใช้เมื่อผู้ประกอบการไทยได้จ่ายเงินเพื่อ:
- ซื้อสินค้าหรือบริการ: ที่มีการส่งมอบหรือให้บริการในประเทศไทย
- โอนเงินค่าบริการ: ที่ใช้บริการในประเทศไทยแต่ผู้ให้บริการตั้งอยู่นอกราชอาณาจักร
- โอนเงินค่าสิทธิ: เช่น ค่าลิขสิทธิ์ ค่าเครื่องหมายการค้า หรือค่าสิทธิบัตรที่ผู้รับสิทธิอยู่นอกราชอาณาจักร
ใครมีหน้าที่ต้องยื่น ภ.พ. 36?
ผู้มีหน้าที่ยื่นและนำส่งแบบ ภ.พ. 36 คือ ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วในประเทศไทย และมีการจ่ายเงินให้ผู้ประกอบการที่อยู่นอกประเทศไทย
ตัวอย่างการใช้ ภ.พ. 36
- บริษัท A ในไทย (จดทะเบียน VAT) ซื้อซอฟต์แวร์จากบริษัท B ในสหรัฐอเมริกา (ไม่ได้จดทะเบียน VAT ในไทย): เมื่อบริษัท A จ่ายค่าซอฟต์แวร์ จะต้องยื่น ภ.พ. 36 เพื่อนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ของมูลค่าซอฟต์แวร์ให้กรมสรรพากร
- โรงแรมในไทยจ่ายค่าโฆษณาให้กับ Google (ตั้งอยู่นอกประเทศ): โรงแรมจะต้องยื่น ภ.พ. 36 และนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มให้กรมสรรพากร
สรุป: ภ.พ. 36 เป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดการภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับธุรกรรมข้ามพรมแดน ช่วยให้รัฐบาลสามารถจัดเก็บภาษีจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในประเทศได้อย่างครบถ้วนและเป็นธรรมมากขึ้นค่ะ

แบบ ภ.ง.ด. 54: อัตราภาษี
ภ.ง.ด. 54 เป็นแบบสำหรับยื่นภาษีเงินได้นิติบุคคลจากบริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศและไม่มีการประกอบกิจการในประเทศไทย แต่ได้รับเงินได้จากประเทศไทย ผู้จ่ายเงินได้ในไทยจึงมีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายและนำส่งให้กรมสรรพากร อัตราภาษีจะแตกต่างกันไปตามประเภทของเงินได้พึงประเมิน:
- อัตราภาษี 15%: สำหรับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (2) ถึง 40 (6) ได้แก่:
- มาตรา 40(2): ค่าธรรมเนียม, ค่านายหน้า
- มาตรา 40(3): ค่าลิขสิทธิ์, ค่าสิทธิในเครื่องหมายการค้า
- มาตรา 40(4) (ยกเว้นเงินปันผล): ดอกเบี้ย
- มาตรา 40(5): ค่าเช่าทรัพย์สินในประเทศไทย
- มาตรา 40(6): ค่าวิชาชีพอิสระ (เช่น ค่าทนาย, ค่าที่ปรึกษา)
- อัตราภาษี 10%: สำหรับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (4) เฉพาะที่เป็น เงินปันผล หรือเงินส่วนแบ่งกำไรที่จ่ายให้บริษัทที่อยู่นอกประเทศไทย
- อัตราภาษี 10%: สำหรับเงินได้ตามมาตรา 70 ทวิ ซึ่งเป็นการ จำหน่ายเงินกำไร ออกจากประเทศไทย
แบบ ภ.พ. 36: อัตราภาษี
ภ.พ. 36 เป็นแบบสำหรับนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่ผู้ประกอบการในไทยมีหน้าที่ต้องยื่นและนำส่งแทนผู้ขายหรือผู้ให้บริการที่ไม่ได้เข้ามาประกอบกิจการในประเทศไทย
- อัตราภาษี 7%: แบบ ภ.พ. 36 จะใช้อัตราภาษี 7% ซึ่งเป็นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่ใช้ในปัจจุบันสำหรับมูลค่าของสินค้าหรือบริการที่ซื้อจากผู้ประกอบการในต่างประเทศ
ข้อสังเกต:
- ภ.ง.ด. 54 เป็นภาษี เงินได้นิติบุคคล ที่หัก ณ ที่จ่าย
- ภ.พ. 36 เป็นภาษี มูลค่าเพิ่ม ที่ผู้ประกอบการในไทยมีหน้าที่ต้องนำส่งแทนผู้ขายที่ไม่ได้จดทะเบียน VAT ในไทย
ดังนั้น ทั้งสองแบบฟอร์มจึงมีวัตถุประสงค์และอัตราภาษีที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนตามประเภทของภาษีที่เกี่ยวข้องค่ะ

ตัวอย่าง: ในกรณีที่บริษัทในประเทศไทยเช่าโกดังกับบริษัทที่อยู่ต่างประเทศ จำนวน 100,000 บาท การคำนวณภาษี ภ.ง.ด. 54 จะมีรายละเอียดดังนี้
การคำนวณภาษี
- มาตราที่เกี่ยวข้อง: เงินค่าเช่าโกดังนี้ถือเป็น เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (5) แห่งประมวลรัษฎากร เนื่องจากเป็นเงินได้จากการให้เช่าทรัพย์สินในประเทศไทย
- อัตราภาษี: อัตราภาษีที่ใช้สำหรับเงินได้ประเภทนี้คือ 15% ตามหลักเกณฑ์ของ ภ.ง.ด. 54
- ภาษีที่ต้องหัก ณ ที่จ่าย:100,000บาท×15%=15,000บาท
ดังนั้น บริษัทในไทยจะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายจำนวน 15,000 บาท
การนำส่งแบบ ภ.ง.ด. 54
บริษัทในประเทศไทยมีหน้าที่นำส่งแบบ ภ.ง.ด. 54 และเงินภาษีที่หักไว้ให้กับกรมสรรพากร ภายใน 7 วันนับจากวันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงินค่าเช่า ตัวอย่างเช่น หากบริษัทจ่ายค่าเช่าในวันที่ 15 กันยายน ก็จะต้องนำส่งแบบ ภ.ง.ด. 54 ภายในวันที่ 7 ตุลาคมค่ะ
ตัวอย่าง: การยิงโฆษณาผ่าน Facebook ถือเป็นการใช้บริการจากต่างประเทศ ซึ่งผู้ประกอบการในไทยมีหน้าที่ต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) แทนผู้ให้บริการด้วยแบบ ภ.พ. 36
การคำนวณภาษี
- อัตราภาษี: การยื่นแบบ ภ.พ. 36 ใช้อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
- ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องนำส่ง:100,000บาท×7%=7,000บาท
ดังนั้น บริษัทที่ยิงโฆษณาจะต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน 7,000 บาท ให้กับกรมสรรพากร
การนำส่งแบบ ภ.พ. 36
ผู้ประกอบการในประเทศไทยมีหน้าที่นำส่งแบบ ภ.พ. 36 และชำระภาษีมูลค่าเพิ่มที่คำนวณได้ ภายใน 7 วันนับจากวันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงิน . ตัวอย่างเช่น หากบริษัทจ่ายค่าโฆษณาในวันที่ 15 กันยายน ก็จะต้องนำส่งแบบ ภ.พ. 36 ภายในวันที่ 7 ตุลาคม เช่นเดียวกับการนำส่ง ภ.ง.ด. 54


AccProTax รับทำบัญชี ตรวจสอบบัญชี วางแผนภาษี ประสบการณ์กว่า 25 ปี
“สะดวก รวดเร็ว เข้าใจ ให้คำปรึกษาเชิงรุก” คือสิ่งที่ AccProTax ให้ความสำคัญ
เพราะเราเข้าใจดีว่า “เรื่องภาษี” ไม่ใช่เรื่องเล็กที่มองข้ามได้ AccProTax จึงมุ่งเน้นการวางระบบบัญชีและภาษีที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันปัญหาการตีความผิดพลาดและลดความเสี่ยงจากการถูกเรียกเก็บย้อนหลัง ทีมงานของเรามีประสบการณ์กว่า 25 ปี ในการให้บริการทั้งการทำบัญชี ตรวจสอบบัญชี และวางแผนภาษีอย่างรอบด้าน พร้อมคำปรึกษาที่ช่วยให้ธุรกิจเดินหน้าได้อย่างถูกต้อง
ติดต่อ AccProTax ได้เลยวันนี้
AccProTax พร้อมให้คำปรึกษาและดำเนินการจดทะเบียนแบบครบวงจร
ฟรี! ให้คำแนะนำเบื้องต้น
มีแพ็กเกจรายเดือน ปิดงบ รายปี
ดูแลโดยทีมผู้เชี่ยวชาญจริง พร้อมให้บริการธุรกิจ SME ทุกประเภท
ฟรีคำปรึกษาเบื้องต้น
ดูแลเอกสารให้ครบ จดเสร็จในไม่กี่วัน
เฟซบุ๊ก: www.facebook.com/accprotax/
อีเมล: accprotax@gmail.com
โทร: 02-124-3062
LineOA: @accprotax
เริ่มต้นจดทะเบียนบริษัทจำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัด การจัดทำบัญชี วางแผนภาษี และการขอใบอนุญาตต่างๆ อย่างถูกต้อง มีขั้นตอนที่ซับซ้อน ยุ่งยาก และใช้ระยะเวลานาน การมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านงานจดทะเบียนธุรกิจเป็นที่ปรึกษาและวางแผนอย่างใกล้ชิด เพื่อส่งข้อมูลต่อทางการอย่างถูกต้อง เป็นหัวใจสำคัญของก้าวแรกที่เริ่มต้นทำธุรกิจ เรายินดีให้บริการแก่ลูกค้าทุกท่าน พร้อมให้คำแนะนำในด้านการจดทะเบียน บริษัท(บจก.) ห้างหุ้นส่วนจำกัด(หจก.) อย่างครบวงจร รวมถึง จัดทำบัญชี และวางแผนภาษี (Tax Planning) ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ
เมื่อลูกค้าต้องการข้อมูล เรายินดีช่วยเหลือ ให้บริการที่รวดเร็ว ทันเวลา ราคาเหมาะสม คุยอย่างเป็นกันเอง ยินดีให้บริการอย่างเต็มที่ ด้วยความเต็มใจอย่างยิ่งค่ะ
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญฟรี
กรุณากรอกข้อมูล โดยผู้เชี่ยวชาญติดต่อกลับ ให้คำปรึกษาที่ตรงกับความต้องการของคุณได้อย่างรวดเร็ว