สวัสดิการค่ารักษาพยาบาล ประเด็นรายจ่ายทางภาษี สวัสดิการค่ารักษาพยาบาล ตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร, สวัสดิการค่ารักษาพยาบาลที่บริษัทจ่ายให้แก่พนักงานสามารถถือเป็น ค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ โดยไม่ถือเป็นรายจ่ายต้องห้าม ทั้งนี้มีเงื่อนไขและรายละเอียดที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเพื่อให้นำไปหักเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลได้อย่างถูกต้อง
1. หลักการทั่วไปของค่าใช้จ่ายสวัสดิการพนักงาน
โดยหลักการแล้ว กรมสรรพากรถือว่า สวัสดิการที่จ่ายให้พนักงานเป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของกิจการ และสามารถนำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า สวัสดิการนั้นต้องเป็นการจ่าย โดยเท่าเทียมกัน และไม่ใช่การจ่ายเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของกรรมการหรือผู้ถือหุ้นเท่านั้น
2. หลักเกณฑ์เฉพาะสำหรับค่ารักษาพยาบาล
สวัสดิการค่ารักษาพยาบาลที่บริษัทจ่ายให้พนักงานสามารถหักเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ หากเข้าเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งดังนี้:
- ค่ารักษาพยาบาลที่จ่ายตามระเบียบของบริษัท: หากบริษัทมีระเบียบหรือข้อบังคับที่กำหนดให้พนักงานมีสิทธิ์ได้รับเงินสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล โดยระบุเงื่อนไขและวงเงินที่ชัดเจนสำหรับพนักงานทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน (ตามตำแหน่งหรือระดับ) ค่าใช้จ่ายนี้จะถือเป็นค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการดำเนินกิจการและสามารถหักภาษีได้
- เงินสมทบกองทุนประกันสังคม: เงินสมทบส่วนที่บริษัทจ่ายให้กับกองทุนประกันสังคมตามกฎหมาย เป็นค่าใช้จ่ายที่หักภาษีได้เต็มจำนวนอยู่แล้ว
- ค่าเบี้ยประกันสุขภาพแบบกลุ่ม: หากบริษัทจัดทำประกันสุขภาพแบบกลุ่มให้พนักงาน และจ่ายค่าเบี้ยประกันให้ ซึ่งเป็นสวัสดิการที่มอบให้พนักงานทุกคนโดยเท่าเทียมกันตามนโยบายบริษัท ค่าเบี้ยประกันนี้สามารถนำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้
3. ประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณา (ข้อควรระวัง)
เพื่อให้สวัสดิการค่ารักษาพยาบาลไม่ถูกจัดเป็น “รายจ่ายต้องห้าม” ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 65 ตรี (13) ที่ระบุว่า “รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการส่วนตัว…หรือการให้โดยเสน่หา” บริษัทควรปฏิบัติดังนี้:
- ต้องมีระเบียบหรือข้อบังคับที่ชัดเจน: บริษัทต้องมีเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรที่ระบุถึงสิทธิประโยชน์และเงื่อนไขของค่ารักษาพยาบาลอย่างชัดเจน เช่น วงเงินสูงสุดที่เบิกได้ต่อปี หรือเงื่อนไขการเบิกจ่าย
- ให้สิทธิประโยชน์อย่างเท่าเทียมกัน: สวัสดิการนี้ควรให้สิทธิ์แก่พนักงานทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ใช่การเลือกปฏิบัติ หรือให้แก่พนักงานบางคนเป็นพิเศษ หากมีการแบ่งระดับสิทธิ์ ก็ควรมีเหตุผลที่สมเหตุสมผลและสอดคล้องกับระเบียบที่วางไว้
- ไม่ใช่การจ่ายแบบไม่มีระเบียบ: หากเป็นการจ่ายเงินช่วยเหลือเป็นครั้งคราวแบบไม่มีระเบียบรองรับ และเป็นการจ่ายโดยเฉพาะเจาะจงแก่พนักงานบางคน อาจถูกมองว่าเป็น เงินได้พึงประเมิน ของพนักงานคนนั้น และบริษัทอาจต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย และค่าใช้จ่ายนั้นอาจไม่สามารถหักเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทได้

สรุป
โดยสรุปแล้ว ค่าใช้จ่ายสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลที่บริษัทจ่ายให้พนักงานสามารถนำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ โดยถือเป็น ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นและสมควร ตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขสำคัญคือ ต้องเป็นสวัสดิการที่มีระเบียบรองรับและมอบให้แก่พนักงานอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกพิจารณาว่าเป็นรายจ่ายต้องห้ามหรือเป็นการให้ประโยชน์ส่วนตัวของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
สวัสดิการค่ารักษาพยาบาล ประเด็นรายจ่ายทางภาษี ค่ารักษาพยาบาลที่นายจ้างจ่ายแทนให้พนักงาน สำหรับการรักษาพยาบาลของลูกจ้าง สามี ภรรยา บุพการี หรือผู้สืบสันดานที่อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของลูกจ้าง สามารถได้รับการยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเป็นเงินได้เพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ ด้วยนะค่ะ
การยกเว้นภาษีในส่วนนี้อ้างอิงตาม กฎกระทรวง ฉบับที่ 339 (พ.ศ. 2561) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ซึ่งระบุรายละเอียดไว้ดังนี้ค่ะ
หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการยกเว้นภาษี
- เป็นสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลโดยรวม: เงินได้ที่ได้รับการยกเว้นจะต้องเป็นค่ารักษาพยาบาลที่นายจ้างจ่ายให้พนักงานตามระเบียบที่กำหนดไว้สำหรับการรักษาพยาบาลของพนักงานและสมาชิกในครอบครัว ไม่ใช่การจ่ายเป็นเงินเดือนหรือค่าจ้าง
- สำหรับบุคคลในครอบครัวที่อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดู:
- สามีหรือภรรยา: ต้องเป็นคู่สมรสที่ชอบด้วยกฎหมาย
- บุพการี: ได้แก่ บิดามารดาของลูกจ้างและคู่สมรส
- ผู้สืบสันดาน: ได้แก่ บุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย (รวมถึงบุตรบุญธรรม) และผู้ที่ยังคงอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของลูกจ้าง
- ต้องเป็นเงินที่จ่ายโดยตรงตามระเบียบของนายจ้าง: การจ่ายค่ารักษาพยาบาลจะต้องเป็นไปตามระเบียบที่นายจ้างกำหนดไว้โดยชัดเจน และต้องเป็นการจ่ายเงินได้แก่สถานพยาบาล หรือจ่ายเงินช่วยเหลือให้แก่พนักงานตามจำนวนที่จ่ายจริงเท่านั้น
- ไม่ใช่ค่ารักษาที่พนักงานได้รับจากแหล่งอื่น: เงินได้ที่ได้รับการยกเว้นต้องไม่ใช่ค่ารักษาพยาบาลที่ได้รับจากกองทุนประกันสังคม, กองทุนเงินทดแทน, หรือได้รับยกเว้นภาษีจากแหล่งอื่นตามกฎหมาย

สรุป
ดังนั้น หากนายจ้างจ่ายค่ารักษาพยาบาลสำหรับบุคคลในครอบครัวของพนักงานตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงฉบับนี้ เงินส่วนนั้นจะถือเป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับการยกเว้นภาษี ซึ่งช่วยลดภาระภาษีให้กับพนักงานได้อย่างมากค่ะ

AccProTax รับทำบัญชี ตรวจสอบบัญชี วางแผนภาษี ประสบการณ์กว่า 25 ปี
“สะดวก รวดเร็ว เข้าใจ ให้คำปรึกษาเชิงรุก” คือสิ่งที่ AccProTax ให้ความสำคัญ
เพราะเราเข้าใจดีว่า “เรื่องภาษี” ไม่ใช่เรื่องเล็กที่มองข้ามได้ AccProTax จึงมุ่งเน้นการวางระบบบัญชีและภาษีที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันปัญหาการตีความผิดพลาดและลดความเสี่ยงจากการถูกเรียกเก็บย้อนหลัง ทีมงานของเรามีประสบการณ์กว่า 25 ปี ในการให้บริการทั้งการทำบัญชี ตรวจสอบบัญชี และวางแผนภาษีอย่างรอบด้าน พร้อมคำปรึกษาที่ช่วยให้ธุรกิจเดินหน้าได้อย่างถูกต้อง
ติดต่อ AccProTax ได้เลยวันนี้
AccProTax พร้อมให้คำปรึกษาและดำเนินการจดทะเบียนแบบครบวงจร
ฟรี! ให้คำแนะนำเบื้องต้น
มีแพ็กเกจรายเดือน ปิดงบ รายปี
ดูแลโดยทีมผู้เชี่ยวชาญจริง พร้อมให้บริการธุรกิจ SME ทุกประเภท
ฟรีคำปรึกษาเบื้องต้น
ดูแลเอกสารให้ครบ จดเสร็จในไม่กี่วัน
เฟซบุ๊ก: www.facebook.com/accprotax/
อีเมล: accprotax@gmail.com
โทร: 02-124-3062
LineOA: @accprotax
เริ่มต้นจดทะเบียนบริษัทจำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัด การจัดทำบัญชี วางแผนภาษี และการขอใบอนุญาตต่างๆ อย่างถูกต้อง มีขั้นตอนที่ซับซ้อน ยุ่งยาก และใช้ระยะเวลานาน การมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านงานจดทะเบียนธุรกิจเป็นที่ปรึกษาและวางแผนอย่างใกล้ชิด เพื่อส่งข้อมูลต่อทางการอย่างถูกต้อง เป็นหัวใจสำคัญของก้าวแรกที่เริ่มต้นทำธุรกิจ เรายินดีให้บริการแก่ลูกค้าทุกท่าน พร้อมให้คำแนะนำในด้านการจดทะเบียน บริษัท(บจก.) ห้างหุ้นส่วนจำกัด(หจก.) อย่างครบวงจร รวมถึง จัดทำบัญชี และวางแผนภาษี (Tax Planning) ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ
เมื่อลูกค้าต้องการข้อมูล เรายินดีช่วยเหลือ ให้บริการที่รวดเร็ว ทันเวลา ราคาเหมาะสม คุยอย่างเป็นกันเอง ยินดีให้บริการอย่างเต็มที่ ด้วยความเต็มใจอย่างยิ่งค่ะ
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญฟรี
กรุณากรอกข้อมูล โดยผู้เชี่ยวชาญติดต่อกลับ ให้คำปรึกษาที่ตรงกับความต้องการของคุณได้อย่างรวดเร็ว