ค่ารับรอง คืออะไร ทำรายจ่ายให้สรรพากรยอมรับได้ ตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร “ค่ารับรอง” คือ ค่าใช้จ่ายที่กิจการจ่ายไปเพื่อการรับรองลูกค้า หรือบุคคลภายนอกที่มาติดต่อธุรกิจ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจ และอำนวยประโยชน์ให้แก่กิจการในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม การจะนำค่ารับรองมาเป็นรายจ่ายทางภาษีได้นั้น จะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง ฉบับที่ 143 (พ.ศ. 2522) และคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.116/2545 ซึ่งมีรายละเอียดสำคัญดังนี้
1. ลักษณะของค่ารับรองที่สามารถนำมาหักภาษีได้
ค่ารับรองที่กรมสรรพากรยอมรับจะแบ่งเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ:
- ค่าบริการ: เช่น ค่าอาหารและเครื่องดื่มที่ใช้เลี้ยงรับรองลูกค้า, ค่าที่พัก, ค่าเดินทาง หรือค่าตั๋วเข้าชมมหรสพ/การกีฬา เพื่อการเจรจาธุรกิจ
- ค่าสิ่งของ: เช่น ของขวัญปีใหม่, ของที่ระลึก, หรือกระเช้าของขวัญที่มอบให้ลูกค้าในโอกาสสำคัญ
2. หลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามกฎหมาย
- ต้องเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นตามธรรมเนียมประเพณีทางธุรกิจ: ค่ารับรองที่จ่ายไปจะต้องมีเหตุผลทางธุรกิจที่ชัดเจนและสมเหตุสมผล เช่น การเลี้ยงรับรองลูกค้าเพื่อปิดการขาย, การเลี้ยงรับรองเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้า หรือการมอบของขวัญเพื่อแสดงความขอบคุณ
- ผู้ที่ได้รับการรับรองต้องไม่ใช่ลูกจ้างของกิจการ: โดยปกติแล้ว บุคคลที่ได้รับการรับรองจะต้องเป็นบุคคลภายนอก เช่น ลูกค้า, คู่ค้า, หรือผู้มีอุปการคุณทางธุรกิจ อย่างไรก็ตาม กฎหมายมีข้อยกเว้นสำหรับกรณีที่ลูกจ้างของบริษัทมีหน้าที่เข้าร่วมในการรับรองนั้นด้วย
- วงเงินที่สามารถหักเป็นรายจ่ายได้: วงเงินที่สามารถนำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้จะต้องไม่เกิน 0.3% (ร้อยละศูนย์จุดสาม) ของยอดรายได้จากการขายหรือการให้บริการ แต่สูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท ต่อรอบระยะเวลาบัญชี
- ตัวอย่างการคำนวณ: หากบริษัทมีรายได้ 200 ล้านบาท
- ค่ารับรองที่หักได้: 200 ล้านบาท x 0.3% = 600,000 บาท
- หากบริษัทมีรายได้ 5,000 ล้านบาท
- ค่ารับรองที่หักได้: 5,000 ล้านบาท x 0.3% = 15 ล้านบาท ซึ่งเกิน 10 ล้านบาท ดังนั้นค่ารับรองที่หักได้สูงสุดคือ 10 ล้านบาท
- ตัวอย่างการคำนวณ: หากบริษัทมีรายได้ 200 ล้านบาท
- มูลค่าของสิ่งของที่มอบให้: ในกรณีที่เป็นการให้สิ่งของ เช่น กระเช้าของขวัญ จะต้องมีมูลค่าไม่เกิน 2,000 บาท ต่อคน ต่อครั้งที่มีการรับรอง หากมีมูลค่าเกินกว่านี้ ส่วนที่เกินจะไม่สามารถนำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายได้
- ผู้มีอำนาจอนุมัติ: การจ่ายค่ารับรองจะต้องได้รับอนุมัติจาก กรรมการ, ผู้จัดการ, ผู้บริหาร, หรือผู้ได้รับมอบอำนาจ เป็นลายลักษณ์อักษรที่ชัดเจน

3. หลักฐานประกอบการเบิกค่ารับรอง
เพื่อให้ค่ารับรองเป็นรายจ่ายที่ถูกต้องตามกฎหมายและสามารถตรวจสอบได้ เอกสารที่ใช้ประกอบการเบิกจะต้องครบถ้วนและชัดเจน ดังนี้:
- ใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี: ต้องเป็นหลักฐานการจ่ายเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย และห้ามระบุชื่อผู้จ่ายเงินที่เป็นพนักงานของบริษัท
- ใบเบิกค่าใช้จ่าย: ซึ่งต้องมีรายละเอียดที่ชัดเจน เช่น วันที่, รายการ, จำนวนเงิน, และเหตุผลในการรับรอง
- เอกสารประกอบการรับรอง: เช่น รายชื่อแขกผู้เข้าร่วมรับรอง, วัตถุประสงค์ในการรับรอง, สถานที่, และผู้จ่ายเงิน (กรรมการหรือผู้ได้รับมอบอำนาจ)
- ข้อควรระวัง: ใบเสร็จรับเงินที่ใช้ในการรับรองจะต้องไม่เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวของพนักงานหรือผู้บริหาร รวมถึงการเลี้ยงสังสรรค์ภายในบริษัทที่ไม่มีลูกค้าเข้าร่วมด้วย
การปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ข้างต้นจะช่วยให้บริษัทมั่นใจได้ว่าค่ารับรองที่จ่ายไปนั้นสามารถนำมาหักเป็นรายจ่ายทางภาษีได้อย่างถูกต้องและเป็นไปตามระเบียบของกรมสรรพากรค่ะ

ในประเทศไทย, ค่ารับรองที่ถือเป็นรายจ่ายทางภาษีที่กรมสรรพากรยอมรับได้นั้นมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ค่อนข้างเฉพาะเจาะจง เพื่อป้องกันการใช้จ่ายส่วนตัวมาเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทและหักภาษีได้ หลักเกณฑ์เหล่านี้สรุปได้ดังนี้ค่ะ
1. วัตถุประสงค์ของค่ารับรอง
ค่ารับรองที่สามารถนำมาหักเป็นรายจ่ายได้ จะต้องเป็นค่ารับรองหรือค่าบริการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจโดยตรง และมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ของกิจการ เช่น การรับรองลูกค้า, การสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจ, หรือการเจรจาการค้า
2. หลักเกณฑ์ด้านวงเงิน
วงเงินที่สามารถนำมาหักเป็นรายจ่ายได้จะต้องไม่เกิน 0.3% (ร้อยละศูนย์จุดสาม) ของยอดรายได้หรือยอดขาย แต่ไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อรอบระยะเวลาบัญชี
ตัวอย่าง:
- กรณีที่ 1: บริษัทมีรายได้ 500 ล้านบาท
- คำนวณ 0.3% ของรายได้: 500 ล้านบาท x 0.3% = 1.5 ล้านบาท
- ค่ารับรองที่บริษัทสามารถนำมาหักภาษีได้จะอยู่ที่ 1.5 ล้านบาท (ไม่เกิน 10 ล้านบาท)
- กรณีที่ 2: บริษัทมีรายได้ 4,000 ล้านบาท
- คำนวณ 0.3% ของรายได้: 4,000 ล้านบาท x 0.3% = 12 ล้านบาท
- ในกรณีนี้, ค่ารับรองที่นำมาหักภาษีได้จะถูกจำกัดอยู่ที่ 10 ล้านบาท เนื่องจากเกินวงเงินสูงสุดที่กำหนดไว้


3. หลักเกณฑ์ด้านผู้รับและผู้จ่าย
- ผู้รับ: ต้องเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโดยตรง เช่น ลูกค้า, ตัวแทนจำหน่าย, หรือผู้ที่มีส่วนได้เสียทางธุรกิจ
- ผู้จ่าย: ต้องเป็น กรรมการ, หุ้นส่วนผู้จัดการ, ผู้จัดการ, หรือผู้ได้รับมอบหมายเป็นลายลักษณ์อักษร เท่านั้น จึงจะสามารถจ่ายค่ารับรองได้ หากเป็นพนักงานทั่วไปที่ไม่ได้มีอำนาจดังกล่าว จะไม่สามารถเบิกค่ารับรองในนามบริษัทได้
4. หลักฐานประกอบการเบิกค่ารับรอง
การเบิกค่ารับรองจะต้องมีหลักฐานที่ชัดเจนและครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด ได้แก่
- ใบกำกับภาษีหรือใบเสร็จรับเงิน: จะต้องมีรายละเอียดครบถ้วน เช่น ชื่อผู้ขาย, วันที่, รายการ, และจำนวนเงิน
- เอกสารประกอบการเบิกค่าใช้จ่าย: เช่น ใบเบิกค่าใช้จ่าย ที่ระบุชื่อผู้รับ, วัตถุประสงค์ในการรับรอง, วันที่, และจำนวนเงิน พร้อมทั้งมีการอนุมัติโดยผู้มีอำนาจ
- ห้ามมีชื่อผู้จ่ายค่ารับรอง: ในกรณีที่เป็นใบกำกับภาษีหรือใบเสร็จรับเงินที่ระบุชื่อผู้รับบริการ, ห้ามระบุชื่อผู้จ่ายเงินที่เป็นพนักงานของบริษัท เช่น นาย A ไปเลี้ยงอาหารลูกค้า และในใบเสร็จระบุว่า “รับรองโดย นาย A” แบบนี้จะไม่สามารถนำมาเป็นค่าใช้จ่ายได้ครับ
การปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เหล่านี้อย่างเคร่งครัดจะช่วยให้บริษัทมั่นใจได้ว่าค่ารับรองที่จ่ายไปนั้นสามารถนำมาหักเป็นรายจ่ายทางภาษีได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายและไม่ถูกเพิกถอนโดยเจ้าหน้าที่สรรพากรในภายหลังค่ะ 🧑💼

AccProTax รับทำบัญชี ตรวจสอบบัญชี วางแผนภาษี ประสบการณ์กว่า 25 ปี
“สะดวก รวดเร็ว เข้าใจ ให้คำปรึกษาเชิงรุก” คือสิ่งที่ AccProTax ให้ความสำคัญ
เพราะเราเข้าใจดีว่า “เรื่องภาษี” ไม่ใช่เรื่องเล็กที่มองข้ามได้ AccProTax จึงมุ่งเน้นการวางระบบบัญชีและภาษีที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันปัญหาการตีความผิดพลาดและลดความเสี่ยงจากการถูกเรียกเก็บย้อนหลัง ทีมงานของเรามีประสบการณ์กว่า 25 ปี ในการให้บริการทั้งการทำบัญชี ตรวจสอบบัญชี และวางแผนภาษีอย่างรอบด้าน พร้อมคำปรึกษาที่ช่วยให้ธุรกิจเดินหน้าได้อย่างถูกต้อง
ติดต่อ AccProTax ได้เลยวันนี้
AccProTax พร้อมให้คำปรึกษาและดำเนินการจดทะเบียนแบบครบวงจร
ฟรี! ให้คำแนะนำเบื้องต้น
มีแพ็กเกจรายเดือน ปิดงบ รายปี
ดูแลโดยทีมผู้เชี่ยวชาญจริง พร้อมให้บริการธุรกิจ SME ทุกประเภท
ฟรีคำปรึกษาเบื้องต้น
ดูแลเอกสารให้ครบ จดเสร็จในไม่กี่วัน
เฟซบุ๊ก: www.facebook.com/accprotax/
อีเมล: accprotax@gmail.com
โทร: 02-124-3062
LineOA: @accprotax
เริ่มต้นจดทะเบียนบริษัทจำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัด การจัดทำบัญชี วางแผนภาษี และการขอใบอนุญาตต่างๆ อย่างถูกต้อง มีขั้นตอนที่ซับซ้อน ยุ่งยาก และใช้ระยะเวลานาน การมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านงานจดทะเบียนธุรกิจเป็นที่ปรึกษาและวางแผนอย่างใกล้ชิด เพื่อส่งข้อมูลต่อทางการอย่างถูกต้อง เป็นหัวใจสำคัญของก้าวแรกที่เริ่มต้นทำธุรกิจ เรายินดีให้บริการแก่ลูกค้าทุกท่าน พร้อมให้คำแนะนำในด้านการจดทะเบียน บริษัท(บจก.) ห้างหุ้นส่วนจำกัด(หจก.) อย่างครบวงจร รวมถึง จัดทำบัญชี และวางแผนภาษี (Tax Planning) ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ
เมื่อลูกค้าต้องการข้อมูล เรายินดีช่วยเหลือ ให้บริการที่รวดเร็ว ทันเวลา ราคาเหมาะสม คุยอย่างเป็นกันเอง ยินดีให้บริการอย่างเต็มที่ ด้วยความเต็มใจอย่างยิ่งค่ะ
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญฟรี
กรุณากรอกข้อมูล โดยผู้เชี่ยวชาญติดต่อกลับ ให้คำปรึกษาที่ตรงกับความต้องการของคุณได้อย่างรวดเร็ว