จ้างนักศึกษาฝึกงาน จ้างแรงงานรายวัน มีประเด็นภาษีที่เกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง!?

จ้างนักศึกษาฝึกงาน จ้างแรงงานรายวัน มีประเด็นภาษีที่เกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง โดยการจ้างแรงงานรายวันและค่าตอบแทนนักศึกษาฝึกงาน ถือเป็น เงินได้พึงประเมิน ที่ต้องนำมาคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามปกติ ไม่ได้มีการยกเว้นภาษี โดยเฉพาะเจาะจงในสถานะ “แรงงานรายวัน” หรือ “นักศึกษาฝึกงาน” แต่จะได้รับยกเว้นตามหลักเกณฑ์ของเงินได้สุทธิ 1. การจัดประเภทเงินได้พึงประเมิน ทั้งเงินค่าจ้างแรงงานรายวันและค่าตอบแทนนักศึกษาฝึกงาน มักถูกจัดเป็นเงินได้ประเภทเดียวกันภายใต้ประมวลรัษฎากร: ประเภทเงินได้ แรงงานรายวัน / นักศึกษาฝึกงาน ลักษณะตามกฎหมาย เงินได้ประเภทที่ 1 (มาตรา 40(1)) ค่าจ้าง/ค่าตอบแทน เงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่ได้จากการทำงานภายใต้การควบคุมหรือตามสัญญาจ้างแรงงาน เงินได้ประเภทที่ 2 (มาตรา 40(2)) ค่าตอบแทนอื่น ๆ (ที่เข้าเกณฑ์) ในบางกรณีที่การจ้างมีลักษณะเป็นการรับทำงานให้เป็นการชั่วคราว หรือเงินได้เนื่องจากหน้าที่ตำแหน่งงานที่ทำ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่านายหน้า หรือบำเหน็จ (แต่โดยทั่วไปมักจัดเป็น 40(1)) ข้อสรุป: โดยทั่วไป เงินค่าจ้างรายวันหรือค่าตอบแทนนักศึกษาฝึกงาน จัดเป็นเงินได้จากการจ้างแรงงาน มาตรา 40(1) ซึ่งมีสิทธิหักค่าใช้จ่ายได้เป็นการเหมา 50% […]

ใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ ต้องมีรายการอะไรบ้าง?

ใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ ต้องมีรายการอะไรบ้าง? ใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ (Full Tax Invoice) ถือเป็นเอกสารสำคัญที่สุดทางด้านภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนจะต้องออกให้กับผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ เอกสารนี้เป็นหลักฐานให้ผู้ซื้อสามารถนำ ภาษีซื้อ ไปหักออกจาก ภาษีขาย ได้อย่างถูกต้อง กรมสรรพากรกำหนดรายการที่ต้องมีในใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบไว้ตาม มาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งจะต้องมีรายการครบถ้วนสมบูรณ์ดังต่อไปนี้: รายการที่ต้องมีในใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ เพื่อให้ใบกำกับภาษีเป็นที่ยอมรับของกรมสรรพากร จะต้องประกอบด้วยรายการหลัก 7 ส่วน ดังนี้: 1. ชื่อเอกสารที่ระบุชัดเจน คำว่า “ใบกำกับภาษี” (Tax Invoice): ต้องระบุคำนี้ไว้ในที่ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดของเอกสาร 2. รายละเอียดของผู้ขาย (ผู้ออกใบกำกับภาษี) ชื่อและที่อยู่: ชื่อของผู้ประกอบการจดทะเบียน (ชื่อบริษัท/ห้างหุ้นส่วน) และที่ตั้งสำนักงานใหญ่หรือสาขาที่ออกใบกำกับภาษี เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร (Tax ID): เลข 13 หลักของผู้ประกอบการจดทะเบียน คำว่า “สำนักงานใหญ่” หรือ “สาขา”: ต้องระบุอย่างชัดเจนว่าเป็นสาขาใด (ถ้ามีหลายสาขา) 3. รายละเอียดของผู้ซื้อ (ผู้รับใบกำกับภาษี) ชื่อและที่อยู่: […]

ภาษีซื้อรถยนต์ ที่ขอคืนหรือหักภาษีขายได้ เทคนิคเลือกรถ เข้าบริษัทให้ได้ประโยชน์สูงสุด

ภาษีซื้อรถยนต์ ที่ขอคืนหรือหักภาษีขายได้ เทคนิคเลือกรถ เข้าบริษัทให้ได้ประโยชน์สูงสุด ในการพิจารณาว่ารถยนต์ประเภทใดสามารถนำมาเป็น รายจ่ายทางภาษี (ภาษีเงินได้นิติบุคคล) และสามารถ เคลมภาษีซื้อ (ภาษีมูลค่าเพิ่ม) ได้นั้น เป็นประเด็นสำคัญที่นักบัญชีและผู้บริหารต้องทำความเข้าใจอย่างละเอียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแยกแยะระหว่าง “รถยนต์นั่ง” และ “รถยนต์บรรทุก” ตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร หลักเกณฑ์สำคัญถูกกำหนดโดย พิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต และ จำนวนที่นั่ง ของรถยนต์ 1. การแบ่งประเภทรถยนต์ตามหลักเกณฑ์ทางภาษี กรมสรรพากรแบ่งประเภทรถยนต์หลัก ๆ ออกเป็น 2 กลุ่ม เพื่อใช้ในการพิจารณาเรื่องภาษีซื้อและค่าเสื่อมราคา กลุ่มที่ 1: รถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่ง ไม่เกิน 10 ที่นั่ง (เช่น รถเก๋ง, รถ SUV, รถแวนขนาดเล็ก, รถกระบะ 4 ประตูบางประเภท) กลุ่มที่ 2: รถยนต์ที่ใช้เพื่อการประกอบกิจการโดยตรง (เช่น รถกระบะบรรทุก (มีแคป/ไม่มีแคป), รถตู้โดยสาร/ขนส่งที่มีที่นั่ง เกิน 10 ที่นั่ง, รถบรรทุก) […]

ธุรกิจยกเว้น VAT แยกให้ถูกประเภท

ธุรกิจยกเว้น VAT แยกให้ถูกประเภท โดยธุรกิจที่ได้รับการ ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในประเทศไทย เป็นธุรกิจที่กฎหมายกำหนดไว้ตามมาตรา 81 แห่งประมวลรัษฎากร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดภาระภาษีสำหรับสินค้าและบริการพื้นฐานที่จำเป็นต่อการครองชีพ สวัสดิการสังคม การเงิน และธุรกิจขนาดเล็ก การยกเว้น VAT หมายถึง ธุรกิจนั้น ไม่ต้องเรียกเก็บ VAT จากผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ และที่สำคัญคือ ไม่สามารถขอคืนภาษีซื้อ ที่เกิดขึ้นจากต้นทุนของกิจการได้ 1. การยกเว้นตามเกณฑ์รายได้ (ธุรกิจขนาดเล็ก) นี่คือการยกเว้นที่พบบ่อยที่สุดและครอบคลุมธุรกิจทั่วไป: รายรับไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี: ผู้ประกอบการที่มีรายรับจากการขายสินค้าหรือให้บริการไม่เกิน 1,800,000 บาทต่อปี ได้รับการยกเว้นจากการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ข้อควรระวัง: หากมีรายรับเกินเกณฑ์นี้ ต้องยื่นจดทะเบียน VAT ภายใน 30 วันนับแต่วันที่รายรับเกินเกณฑ์ มิฉะนั้นจะมีความผิดทางกฎหมาย 2. การยกเว้นสำหรับสินค้าเกษตรและสินค้าพื้นฐาน กลุ่มนี้เป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยสี่และการผลิตขั้นต้น: ผลผลิตทางการเกษตร: เช่น ข้าว, พืช, ผัก, ผลไม้, เนื้อสัตว์ (ไม่แปรรูป) ที่ได้จากการทำนา […]

ข้อกำหนดตราประทับบริษัท-หจก.

ข้อกำหนดตราประทับบริษัท-หจก. ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) กำหนดลักษณะต้องห้ามของตราประทับ (ตรายาง) ของบริษัทจำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัดไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้มีความเหมาะสม เป็นทางการ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดหรือขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมอันดี นี่คือรายละเอียดของลักษณะต้องห้ามหลัก ๆ ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา: 1. ลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย ลักษณะต้องห้ามที่ขัดต่อกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยตรง ได้แก่: 1.1 ตราประทับที่มีพระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ และพระราชลัญจกร: ห้ามใช้พระบรมฉายาลักษณ์ พระนาม หรือสัญลักษณ์ใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์โดยไม่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาต 1.2 ตราแผ่นดินและเครื่องหมายราชการ: ห้ามใช้ตราแผ่นดิน ตราประจำกระทรวง ทบวง กรม หรือเครื่องหมายราชการอื่น ๆ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานนั้น ๆ 1.3 ธงชาติหรือธงต่างประเทศ: ห้ามใช้ธงชาติไทย หรือธงชาติของประเทศอื่น ๆ เป็นองค์ประกอบหลักของตราประทับ 1.4 เครื่องหมายกาชาด สัญลักษณ์แห่งชาติ และเครื่องหมายขององค์การระหว่างประเทศ: ห้ามใช้เครื่องหมายกาชาด สัญลักษณ์ขององค์การสหประชาชาติ (UN) หรือสัญลักษณ์อื่น ๆ ที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายหรืออนุสัญญา 1.5 เหรียญตรา เครื่องราชอิสริยาภรณ์: […]

จ่ายเงินเดือนกรรมการ ให้เหมาะสมอย่างไร

จ่ายเงินเดือนกรรมการ ให้เหมาะสมอย่างไรให้เหมาะสม มี 4 หลักสำคัญในการพิจารณาที่เกี่ยวข้องสำหรับการจ่ายเงินเดือนกรรมการ ดังนี้ กำหนดเงินเดือน หรือค่าตอบแทน อย่างไรให้เหมาะสม พิจารณาการขึ้นประกันสังคม ได้หรือไม่ เงินเดือนกรรมการ ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย อย่างไร การทำเอกสารประกอบการจ่ายเงิน ให้ถูกต้องอย่างไร การกำหนดเงินเดือนกรรมการให้เหมาะสมและสามารถนำมาถือเป็นรายจ่ายทางภาษีของบริษัทได้โดยไม่ถูกปฏิเสธตาม มาตรา 65 ตรี (8) แห่งประมวลรัษฎากร เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ทั้งในแง่ของกฎหมายภาษีและหลักการของกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หัวใจสำคัญคือการพิสูจน์ให้กรมสรรพากรเห็นว่ารายจ่ายเงินเดือนนั้นเป็น “รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการส่วนตัว หรือการให้โดยเสน่หา” หรือไม่ และเป็นรายจ่ายที่ “สมควร” และ “เป็นไปเพื่อประโยชน์ของกิจการ” อย่างแท้จริง 1. หลักการทางภาษี: มาตรา 65 ตรี (8) มาตรา 65 ตรี (8) แห่งประมวลรัษฎากร ห้ามมิให้นำรายจ่ายต่อไปนี้มาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ: “รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการส่วนตัว การให้โดยเสน่หา หรือการกุศล เว้นแต่รายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะ หรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ตามที่อธิบดีประกาศกำหนด” กรมสรรพากรจะใช้มาตรานี้ในการพิจารณาเงินเดือนกรรมการที่สูงเกินจริง (Excessive Remuneration) […]

สาเหตุขายได้ดี แต่เงินสดไม่มี

สาเหตุยอดขายดี แต่เงินสดไม่มีในกิจการกลับไม่พอใช้ เป็นปัญหาที่พบบ่อยสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง ปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะไม่มีการบันทึกบัญชีที่ถูกต้อง แต่ยังมีสาเหตุเชิงลึกอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการกระแสเงินสดโดยตรง ทำไมการไม่มีการบันทึกบัญชีที่ถูกต้องจึงทำให้เงินสดขาดมือ? การไม่มีการบันทึกบัญชีที่ถูกต้องเหมือนกับการที่คุณขับรถโดยไม่มีมาตรวัดความเร็วและน้ำมัน คุณจะรู้ว่าคุณกำลังเคลื่อนที่ (ยอดขายดี) แต่คุณไม่รู้ว่าคุณกำลังใช้จ่ายเชื้อเพลิงไปเท่าไร (ค่าใช้จ่าย) และมีเชื้อเพลิงเหลืออยู่แค่ไหน (เงินสดคงเหลือ) ไม่รู้ต้นทุนที่แท้จริง: หากไม่ได้บันทึกค่าใช้จ่ายทั้งหมดอย่างถูกต้อง คุณอาจคิดว่ากำไรของคุณสูงกว่าที่เป็นจริง ทำให้คุณใช้จ่ายเกินตัว ไม่เห็นภาพรวม: การไม่บันทึกบัญชีทำให้คุณมองไม่เห็นภาพรวมของสุขภาพทางการเงินของกิจการ คุณอาจไม่รู้ว่าเงินไปอยู่ตรงไหนบ้าง และไม่สามารถวางแผนการใช้จ่ายในอนาคตได้ สาเหตุหลักที่ทำให้ยอดขายดีแต่เงินสดขาดมือ นอกเหนือจากการไม่มีการบันทึกบัญชีที่ถูกต้องแล้ว ยังมีสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เงินสดในกิจการไม่เพียงพอต่อการดำเนินงาน 1. การจัดการหนี้สินและลูกหนี้การค้าที่ไม่ดี หนี้สินที่ต้องชำระทันที: กิจการอาจมีภาระหนี้สินระยะสั้นที่ต้องชำระคืนในจำนวนมาก ทำให้เงินสดที่เข้ามาถูกนำไปใช้หนี้ทันทีจนหมด ลูกหนี้การค้าที่เก็บเงินไม่ได้: การขายสินค้าหรือบริการแบบเครดิตจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากลูกค้าจ่ายเงินล่าช้าหรือไม่จ่ายเลย ทำให้รายได้ที่ควรจะเป็นเงินสดกลับไปอยู่ในรูปของ “ลูกหนี้” แทน 2. ต้นทุนจม (Sunk Cost) ที่ไม่ถูกบริหารจัดการ สินค้าคงคลังที่มากเกินไป: การสต็อกสินค้าไว้จำนวนมาก ทำให้เงินสดถูกแช่แข็งอยู่ในรูปของสินค้าที่ยังขายไม่ได้ ซึ่งจะกลายเป็นต้นทุนจมถ้าสินค้าขายไม่ได้ การลงทุนในทรัพย์สินถาวรที่ไม่จำเป็น: การซื้อเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ขนาดใหญ่เกินความจำเป็น ทำให้เงินสดจำนวนมหาศาลถูกนำไปใช้ในสิ่งที่อาจสร้างรายได้ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน 3. อัตรากำไรที่ต่ำกว่าที่คิด ค่าใช้จ่ายแฝง: กิจการอาจมีค่าใช้จ่ายแฝงที่ไม่ถูกบันทึกอย่างถูกต้อง เช่น ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาเครื่องจักร […]

ก่อสร้างอาคารบทที่ดินของกรรมการ ประเด็นภาษีควรวางแผน

ก่อสร้างอาคารบทที่ดินของกรรมการ ประเด็นภาษีควรวางแผน เมื่อบริษัทออกค่าใช้จ่ายในการสร้างอาคารบนที่ดินของกรรมการบริษัท จะเกิดประเด็นทางภาษีและกรรมสิทธิ์ที่ซับซ้อนขึ้นมา ซึ่งต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ สิทธิในการใช้ภาษีซื้อ บริษัท ไม่สามารถ ใช้ภาษีซื้อจากการก่อสร้างอาคารได้ เนื่องจากตามประมวลรัษฎากร ภาษีซื้อที่สามารถนำมาหักได้ต้องเป็นภาษีซื้อที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการประกอบกิจการของบริษัท และทรัพย์สินที่ก่อสร้างนั้นต้องเป็นของบริษัท แต่ในกรณีนี้ กรรมสิทธิ์ในอาคารจะตกเป็นของเจ้าของที่ดิน คือกรรมการบริษัท ทำให้บริษัทไม่สามารถนำค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างมาใช้เป็นภาษีซื้อได้ หากบริษัทพยายามใช้ภาษีซื้อนี้ อาจถูกกรมสรรพากรตรวจสอบและถูกปฏิเสธการขอคืนภาษีซื้อได้ นอกจากนี้ยังอาจถูกเรียกเก็บเงินเพิ่มและเบี้ยปรับอีกด้วย กรรมสิทธิ์ในสิ่งปลูกสร้าง โดยหลักกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สิ่งปลูกสร้างจะถือว่าเป็นส่วนควบของที่ดิน โดยเป็นไปตามมาตรา 144 และมาตรา 146 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งระบุว่า: มาตรา 144: “ส่วนควบของทรัพย์ หมายความว่า ส่วนซึ่งโดยสภาพแห่งทรัพย์หรือโดยจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่นเป็นสาระสำคัญในความเป็นอยู่ของทรัพย์นั้น และไม่อาจแยกจากกันได้นอกจากจะทำลาย ทำลายตัวทรัพย์ หรือทำให้ทรัพย์นั้นเปลี่ยนแปลงรูปทรงหรือสภาพไป” มาตรา 146: “ทรัพย์ซึ่งติดกับที่ดินเป็นการถาวร หรืออาคาร ซึ่งปลูกสร้างในที่ดินของผู้อื่น ถือว่าเป็นส่วนควบของที่ดินนั้น” ดังนั้น ในกรณีนี้ เมื่อบริษัทก่อสร้างอาคารบนที่ดินของกรรมการบริษัท กรรมสิทธิ์ในอาคารจะ ตกเป็นของกรรมการบริษัท ในฐานะเจ้าของที่ดินทันที แม้ว่าบริษัทจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างก็ตาม ข้อควรระวังและการแก้ไข เพื่อป้องกันปัญหาทางกฎหมายและภาษีที่อาจเกิดขึ้น บริษัทควรมีการทำสัญญาที่ชัดเจนและถูกต้อง: ทำสัญญาเช่าที่ดินระยะยาว: บริษัทควรทำสัญญาเช่าที่ดินจากกรรมการบริษัท โดยระบุให้ชัดเจนว่าบริษัทมีสิทธิในการปลูกสร้างอาคารบนที่ดินดังกล่าว […]

สวัสดิการค่ารักษาพยาบาล ประเด็นรายจ่ายทางภาษี

สวัสดิการค่ารักษาพยาบาล ประเด็นรายจ่ายทางภาษี สวัสดิการค่ารักษาพยาบาล ตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร, สวัสดิการค่ารักษาพยาบาลที่บริษัทจ่ายให้แก่พนักงานสามารถถือเป็น ค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ โดยไม่ถือเป็นรายจ่ายต้องห้าม ทั้งนี้มีเงื่อนไขและรายละเอียดที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเพื่อให้นำไปหักเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลได้อย่างถูกต้อง 1. หลักการทั่วไปของค่าใช้จ่ายสวัสดิการพนักงาน โดยหลักการแล้ว กรมสรรพากรถือว่า สวัสดิการที่จ่ายให้พนักงานเป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของกิจการ และสามารถนำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า สวัสดิการนั้นต้องเป็นการจ่าย โดยเท่าเทียมกัน และไม่ใช่การจ่ายเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของกรรมการหรือผู้ถือหุ้นเท่านั้น 2. หลักเกณฑ์เฉพาะสำหรับค่ารักษาพยาบาล สวัสดิการค่ารักษาพยาบาลที่บริษัทจ่ายให้พนักงานสามารถหักเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ หากเข้าเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งดังนี้: ค่ารักษาพยาบาลที่จ่ายตามระเบียบของบริษัท: หากบริษัทมีระเบียบหรือข้อบังคับที่กำหนดให้พนักงานมีสิทธิ์ได้รับเงินสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล โดยระบุเงื่อนไขและวงเงินที่ชัดเจนสำหรับพนักงานทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน (ตามตำแหน่งหรือระดับ) ค่าใช้จ่ายนี้จะถือเป็นค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการดำเนินกิจการและสามารถหักภาษีได้ เงินสมทบกองทุนประกันสังคม: เงินสมทบส่วนที่บริษัทจ่ายให้กับกองทุนประกันสังคมตามกฎหมาย เป็นค่าใช้จ่ายที่หักภาษีได้เต็มจำนวนอยู่แล้ว ค่าเบี้ยประกันสุขภาพแบบกลุ่ม: หากบริษัทจัดทำประกันสุขภาพแบบกลุ่มให้พนักงาน และจ่ายค่าเบี้ยประกันให้ ซึ่งเป็นสวัสดิการที่มอบให้พนักงานทุกคนโดยเท่าเทียมกันตามนโยบายบริษัท ค่าเบี้ยประกันนี้สามารถนำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ 3. ประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณา (ข้อควรระวัง) เพื่อให้สวัสดิการค่ารักษาพยาบาลไม่ถูกจัดเป็น “รายจ่ายต้องห้าม” ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 65 ตรี (13) ที่ระบุว่า “รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการส่วนตัว…หรือการให้โดยเสน่หา” บริษัทควรปฏิบัติดังนี้: ต้องมีระเบียบหรือข้อบังคับที่ชัดเจน: บริษัทต้องมีเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรที่ระบุถึงสิทธิประโยชน์และเงื่อนไขของค่ารักษาพยาบาลอย่างชัดเจน เช่น วงเงินสูงสุดที่เบิกได้ต่อปี หรือเงื่อนไขการเบิกจ่าย ให้สิทธิประโยชน์อย่างเท่าเทียมกัน: สวัสดิการนี้ควรให้สิทธิ์แก่พนักงานทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ใช่การเลือกปฏิบัติ […]

ค่ารับรอง คืออะไร ทำรายจ่ายให้สรรพากรยอมรับได้

ค่ารับรอง คืออะไร ทำรายจ่ายให้สรรพากรยอมรับได้ ตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร “ค่ารับรอง” คือ ค่าใช้จ่ายที่กิจการจ่ายไปเพื่อการรับรองลูกค้า หรือบุคคลภายนอกที่มาติดต่อธุรกิจ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจ และอำนวยประโยชน์ให้แก่กิจการในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การจะนำค่ารับรองมาเป็นรายจ่ายทางภาษีได้นั้น จะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง ฉบับที่ 143 (พ.ศ. 2522) และคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.116/2545 ซึ่งมีรายละเอียดสำคัญดังนี้ 1. ลักษณะของค่ารับรองที่สามารถนำมาหักภาษีได้ ค่ารับรองที่กรมสรรพากรยอมรับจะแบ่งเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ: ค่าบริการ: เช่น ค่าอาหารและเครื่องดื่มที่ใช้เลี้ยงรับรองลูกค้า, ค่าที่พัก, ค่าเดินทาง หรือค่าตั๋วเข้าชมมหรสพ/การกีฬา เพื่อการเจรจาธุรกิจ ค่าสิ่งของ: เช่น ของขวัญปีใหม่, ของที่ระลึก, หรือกระเช้าของขวัญที่มอบให้ลูกค้าในโอกาสสำคัญ 2. หลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามกฎหมาย ต้องเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นตามธรรมเนียมประเพณีทางธุรกิจ: ค่ารับรองที่จ่ายไปจะต้องมีเหตุผลทางธุรกิจที่ชัดเจนและสมเหตุสมผล เช่น การเลี้ยงรับรองลูกค้าเพื่อปิดการขาย, การเลี้ยงรับรองเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้า หรือการมอบของขวัญเพื่อแสดงความขอบคุณ ผู้ที่ได้รับการรับรองต้องไม่ใช่ลูกจ้างของกิจการ: โดยปกติแล้ว บุคคลที่ได้รับการรับรองจะต้องเป็นบุคคลภายนอก เช่น ลูกค้า, คู่ค้า, หรือผู้มีอุปการคุณทางธุรกิจ อย่างไรก็ตาม กฎหมายมีข้อยกเว้นสำหรับกรณีที่ลูกจ้างของบริษัทมีหน้าที่เข้าร่วมในการรับรองนั้นด้วย […]