มาตรฐานรายงานทางการเงินปี 2567

มาตรฐานรายงานทางการเงินปี 2567

ในการทำงานของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีที่รับผิดชอบในแต่ละกิจการนั้น ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีต้องปฏิบัติงานตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินและข้อกำหนดของกฎหมาย ซึ่งในแต่ละปีผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีจะต้องติดตามว่าจะมีการออกข้อกำหนดของกฎหมายใหม่ มีการออกมาตรฐานหรือปรับปรุงมาตรฐานการรายงานทางการเงินใหม่หรือไม่ เพื่อจะได้ทำการศึกษาผลกระทบล่วงหน้าว่ามีผลต่อการดำเนินงานทางบัญชีของกิจการหรือไม่ เพื่อการเตรียมการงานในปีต่อไปให้สามารถจัดทำรายงานทางการเงินได้อย่างถูกต้องตามข้อกำหนดของกฎหมายหรือตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินใหม่หรือที่ได้ปรับปรุงใหม่

ในปี 2566 สภาวิชาชีพบัญชีได้มีการปรับปรุงมาตรฐานการรายงานทางการเงินจำนวน 19 ฉบับ ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2567 และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้ออกประกาศเรื่อง กำหนดรายการย่อที่ต้องมีในงบการเงิน พ.ศ. 2566 ฉบับใหม่ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้สำหรับงบการเงินที่เริ่มหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2567

ทั้งนี้ มาตรฐานรายงานทางการเงินที่ปรับปรุง และรายการย่อที่ต้องมีในงบการเงินแบบใหม่ มีเนื้อหาที่เปลี่ยนแปลงสรุปได้ดังนี้

1. มาตรฐานการรายงานทางการเงินที่ปรับปรุง

1.1) มาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 1 เรื่อง การนำเสนองบการเงิน สาระสำคัญที่เปลี่ยนแปลงมี 2 เรื่องหลักดังนี้

1) เปลี่ยนแปลงตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 17 เรื่อง สัญญาประกันภัย

2) ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์และหนี้สินที่เกิดขึ้นจากรายการเดียว

สาเหตุของการปรับปรุงหรือแก้ไขเพิ่มเติมมาจากการเปิดเผยข้อมูลนโยบายการบัญชีและมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 17 เรื่อง สัญญาประกันภัย สิ่งที่เกิดขึ้นในการนำเสนองบการเงินตามมาตรฐานการบัญชีฉบับนี้ ได้แก่

  • การเปลี่ยนชื่อ “งบแสดงฐานะการเงิน” เป็น “งบฐานะการเงิน”
  • การเปลี่ยนชื่อ “งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของเจ้าของ” เป็น “งบการเปลี่ยนแปลงส่วนของเจ้าของ”
  • เพิ่มคำนิยาม “นโยบายการบัญชี” หมายถึง นิยามที่กำหนดไว้ในย่อหน้าที่ 5 ของมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 8 เรื่อง นโยบายการบัญชี การเปลี่ยนแปลงประมาณการทางบัญชีและข้อผิดพลาด รวมถึงที่ใช้ในมาตรฐานการบัญชีฉบับนี้ด้วย
  • เพิ่มรายการส่วนประกอบของกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่นอีก 2 รายการ คือ

1) รายได้และค่าใช้จ่ายทางการเงินจากการประกันภัยจากสัญญาที่ออกภายในขอบเขตของมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 17 เรื่อง สัญญาประกันภัยที่แยกออกจากกำไรหรือขาดทุน เมื่อรายได้หรือค่าใช้จ่ายทางการเงินจากการประกันภัยทั้งหมดถูกแตกยอดเพื่อรวมในกำไรหรือขาดทุนสำหรับจำนวนเงินที่กำหนดโดยการปันส่วนอย่างเป็นระบบที่ถือปฏิบัติตามย่อหน้าที่ 88.2 ของมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 17 หรือสำหรับจำนวนเงินที่ขจัดการจับคู่อย่างไม่เหมาะสมทางการบัญชีของรายได้หรือค่าใช้จ่ายทางการเงินที่เกิดขึ้นของรายการอ้างอิงที่ถือปฏิบัติตามย่อหน้าที่ 89.2 ของมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 17

2) รายได้และค่าใช้จ่ายทางการเงินจากสัญญาประกันภัยต่อที่ถือไว้ที่แยกออกจากกำไรหรือขาดทุนเมื่อรายได้หรือค่าใช้จ่ายทางการเงินจากการประกันภัยต่อทั้งหมดถูกแตกยอดเพื่อรวมในกำไรหรือขาดทุน สำหรับจำนวนเงินที่กำหนดโดยการปันส่วนอย่างเป็นระบบที่ถือปฏิบัติตามย่อหน้าที่ 88.2 ของมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 17

  • เปลี่ยนถ้อยคำ “ลักษณะ” เป็น “ธรรมชาติ” เช่น “ลักษณะของการจัดประเภทใหม่ เป็น ธรรมชาติของการจัดประเภทใหม่” “ค่าใช้จ่ายตามลักษณะ เป็น ค่าใช้จ่ายตามธรรมชาติ”
  • เพิ่มเติมรายการที่ต้องแสดงในงบฐานะการเงินดังนี้

– พอร์ตโฟลิโอของสัญญาภายในขอบเขตของมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 17 ที่เป็นสินทรัพย์ซึ่งแตกยอดตามข้อกำหนดในย่อหน้าที่ 78 ของมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 17

– พอร์ตโฟลิโอของสัญญาภายในขอบเขตของมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 17 ที่เป็นหนี้สินซึ่งแตกยอดตามข้อกำหนดในย่อหน้าที่ 78 ของมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 17

  • เพิ่มรายการรายได้และค่าใช้จ่ายที่ต้องแยกแสดงดังนี้

– รายได้จากการประกันภัย (ดูมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 17)

– ค่าใช้จ่ายในการบริการประกันภัยจากสัญญาที่ออกภายในขอบเขตของมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 17 (ดูมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 17)

– รายได้หรือค่าใช้จ่ายจากสัญญาประกันภัยต่อที่ถือไว้ (ดูมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 17)

– รายได้หรือค่าใช้จ่ายทางการเงินจากการประกันภัยจากสัญญาที่ออกภายในขอบเขตของมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 17 (ดูมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 17)

– รายได้หรือค่าใช้จ่ายทางการเงินจากสัญญาประกันภัยต่อที่ถือไว้ (ดูมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 17)

1.2) มาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 7 เรื่อง งบกระแสเงินสด การปรับปรุงที่เกิดขึ้นมาจากการที่จะประกาศใช้มาตรฐานรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 17 สัญญาประกันภัย ซึ่งไม่เกิดผลกระทบ โดยยกเลิกย่อหน้า 14.5 “เงินสดรับและการจ่ายชำระเงินสดของกิจการประกันภัย สำหรับเบี้ยประกันภัยและค่าสินไหมทดแทน ค่ารายปี และผลประโยชน์อื่นตามกรมธรรม์ทั้งหมด

1.3) มาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 8 เรื่อง นโยบายบัญชี การเปลี่ยนแปลงประมาณการบัญชีและข้อผิดพลาด สาระสำคัญที่เปลี่ยนแปลงคือ คำนิยามประมาณการทางบัญชี การปรับปรุงครั้งนี้ไม่มีผลกระทบ โดยมีการปรับปรุงและเพิ่มเติมดังนี้

  • แก้ไขคำนิยาม “การเปลี่ยนแปลงประมาณการทางบัญชี” เป็น “ประมาณการทางบัญชี หมายถึง จำนวนที่เป็นตัวเงินในงบการเงินที่เปลี่ยนไปตามความไม่แน่นอนของการวัดค่า”
  • ปรับปรุงย่อหน้า 32 ข้อความสำคัญคือ นโยบายการบัญชีอาจกำหนดให้รายการในงบการเงินถูกวัดค่าในแนวทางที่เกี่ยวข้องกับความไม่แน่นอนของการวัดค่า และตัวอย่างของประมาณการทางบัญชี ให้รวมถึง

1) ค่าเผื่อผลขาดทุนสำหรับผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นที่ถือปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน

2) มูลค่าสุทธิที่จะได้รับของของสินค้าคงเหลือที่ถือปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 2 เรื่อง สินค้าคงเหลือ

3) มูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์หรือหนี้สินที่ถือปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 13 เรื่อง การวัดมูลค่ายุติธรรม

4) ค่าเสื่อมราคาที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ ที่ถือปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 16

5) ประมาณการหนี้สิน สำหรับภาระผูกพันจากการรับประกันที่ถือปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 37 เรื่อง ประมาณการหนี้สิน หนี้สินที่อาจเกิดขึ้น และสินทรัพย์ที่อาจเกิดขึ้น

  • เพิ่มเติมย่อหน้า 32ก กิจการใช้เทคนิคการวัดค่าและข้อมูลนำเข้าเพื่อจัดทำประมาณการทางบัญชี เทคนิคการวัดค่า รวมถึงเทคนิคการประมาณการ (เช่น เทคนิคที่ใช้ในการวัดค่าของค่าเผื่อผลขาดทุนสำหรับผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นที่ถือปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9) และเทคนิคการประเมินมูลค่า (เช่น เทคนิคที่ใช้ในการวัดค่าของมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์หรือหนี้สินที่ถือปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 13)
  • เพิ่มเติมย่อหน้า 32ข คำว่า “ประมาณการ” ในมาตรฐานการรายงานทางการเงิน บางครั้งหมายถึง ประมาณการที่ไม่ใช่ประมาณการทางบัญชีที่นิยามไว้ในมาตรฐานการบัญชีฉบับนี้ เช่น บางครั้งหมายถึงข้อมูลนำเข้าที่ใช้ในการจัดทำประมาณการทางบัญชี
  • ปรับปรุงข้อความย่อหน้า 34 เป็น กิจการอาจจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงประมาณการทางบัญชี หากสภาพแวดล้อมที่ใช้เป็นเกณฑ์ในการประมาณการทางบัญชีเปลี่ยนแปลง หรือเป็นผลมาจากข้อมูลใหม่ หรือพัฒนาการใหม่ หรือประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้น โดยธรรมชาติแล้วการเปลี่ยนแปลงประมาณการทางบัญชีไม่เกี่ยวกับรอบระยะเวลาก่อนและไม่ถือเป็นการแก้ไขข้อผิดพลาด
  • เพิ่มเติม 34ก ผลกระทบต่อประมาณการทางบัญชีสำหรับการเปลี่ยนแปลงข้อมูลนำเข้าหรือการเปลี่ยนแปลงเทคนิคการวัดค่าถือเป็นการเปลี่ยนแปลงประมาณการทางบัญชี เว้นแต่เป็นผลจากการแก้ไขข้อผิดพลาดสำหรับรอบระยะเวลาก่อน

Cr. https://magazine.dst.co.th/column/Tax-Update-financial-reporting-standards-2024


สนใจวางแผนภาษี จัดทำบัญชี



ปรึกษาฟรี! โทร. 06437464720962895253

 

Start typing and press Enter to search

Shopping Cart