จ้างนักศึกษาฝึกงาน จ้างแรงงานรายวัน มีประเด็นภาษีที่เกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง โดยการจ้างแรงงานรายวันและค่าตอบแทนนักศึกษาฝึกงาน ถือเป็น เงินได้พึงประเมิน ที่ต้องนำมาคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามปกติ ไม่ได้มีการยกเว้นภาษี โดยเฉพาะเจาะจงในสถานะ “แรงงานรายวัน” หรือ “นักศึกษาฝึกงาน” แต่จะได้รับยกเว้นตามหลักเกณฑ์ของเงินได้สุทธิ
1. การจัดประเภทเงินได้พึงประเมิน
ทั้งเงินค่าจ้างแรงงานรายวันและค่าตอบแทนนักศึกษาฝึกงาน มักถูกจัดเป็นเงินได้ประเภทเดียวกันภายใต้ประมวลรัษฎากร:
ประเภทเงินได้ | แรงงานรายวัน / นักศึกษาฝึกงาน | ลักษณะตามกฎหมาย |
เงินได้ประเภทที่ 1 (มาตรา 40(1)) | ค่าจ้าง/ค่าตอบแทน | เงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่ได้จากการทำงานภายใต้การควบคุมหรือตามสัญญาจ้างแรงงาน |
เงินได้ประเภทที่ 2 (มาตรา 40(2)) | ค่าตอบแทนอื่น ๆ (ที่เข้าเกณฑ์) | ในบางกรณีที่การจ้างมีลักษณะเป็นการรับทำงานให้เป็นการชั่วคราว หรือเงินได้เนื่องจากหน้าที่ตำแหน่งงานที่ทำ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่านายหน้า หรือบำเหน็จ (แต่โดยทั่วไปมักจัดเป็น 40(1)) |
ข้อสรุป: โดยทั่วไป เงินค่าจ้างรายวันหรือค่าตอบแทนนักศึกษาฝึกงาน จัดเป็นเงินได้จากการจ้างแรงงาน มาตรา 40(1) ซึ่งมีสิทธิหักค่าใช้จ่ายได้เป็นการเหมา 50% แต่รวมกันไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี

2. การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
เงินได้ดังกล่าว ไม่ได้รับการยกเว้นภาษี โดยตรง แต่จะได้รับการยกเว้นภาษีตามหลักเกณฑ์การคำนวณ “เงินได้สุทธิ” เช่นเดียวกับผู้มีเงินได้ประเภทอื่น ๆ ดังนี้:
2.1 หลักเกณฑ์การยกเว้นภาษี
ผู้มีเงินได้ทุกประเภทจะได้รับการยกเว้นภาษี หากคำนวณแล้ว เงินได้สุทธิ ไม่เกิน 150,000 บาทต่อปี
สูตรการคำนวณภาษี:
รายการ | จำนวนเงิน (ขั้นต่ำ) | หมายเหตุ |
เงินได้รวม | เช่น ค่าจ้างรายวัน/ฝึกงานตลอดปี | เงินได้พึงประเมิน 40(1) |
หัก: ค่าใช้จ่าย | หักเหมา 50% แต่ ไม่เกิน 100,000 บาท | ใช้ได้สำหรับเงินได้ 40(1) และ 40(2) รวมกัน |
หัก: ค่าลดหย่อนส่วนตัว | 60,000 บาท | สำหรับผู้มีเงินได้ทุกคน |
เงินได้สุทธิ | (ถ้าไม่เกิน 150,000 บาท) | ได้รับการยกเว้นภาษี |
2.2 ตัวอย่างการคำนวณสำหรับนักศึกษา/แรงงานรายวัน
รายการเงินได้ (ปี) | จำนวนเงิน |
ค่าตอบแทนรวมตลอดปี | 310,000 บาท |
หัก: ค่าใช้จ่าย (สูงสุด 100,000 บาท) | (100,000 บาท) |
หัก: ค่าลดหย่อนส่วนตัว | (60,000 บาท) |
เงินได้สุทธิ | 150,000 บาท |
ผลลัพธ์: หากเงินได้สุทธิเท่ากับ 150,000 บาท จะได้รับการ ยกเว้นภาษี เนื่องจากภาษีที่คำนวณได้อยู่ในอัตรา 0% (ยกเว้นภาษีสำหรับเงินได้สุทธิ 0 – 150,000 บาทแรก)
3. ภาระหน้าที่ของผู้จ่ายและผู้รับเงิน
- หน้าที่ของผู้จ่ายเงิน (นายจ้าง/กิจการ):
- ต้องทำการ หักภาษี ณ ที่จ่าย (Withholding Tax) ตามหลักเกณฑ์เงินเดือน ค่าจ้าง และออก หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ใบ 50 ทวิ) ให้แก่ผู้รับเงินเมื่อสิ้นปีภาษี
- หน้าที่ของผู้รับเงิน (แรงงาน/นักศึกษา):
- แม้จะได้รับการยกเว้นภาษีเมื่อคำนวณแล้ว แต่หากมีเงินได้เกิน 120,000 บาทต่อปี (กรณีไม่มีคู่สมรส) หรือเกินเกณฑ์ที่กำหนดตามกฎหมาย ก็ยังมีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษี (ภ.ง.ด.90/91) ในช่วงต้นปีถัดไป
- หากถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ และคำนวณเงินได้สุทธิแล้วไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี (เช่น ไม่เกิน 150,000 บาท) สามารถขอคืนภาษี ที่ถูกหักไว้ ณ ที่จ่ายคืนจากกรมสรรพากรได้
หากนักศึกษาฝึกงาน หรือแรงงานรายวัน ที่มีรายได้จากการจ้างงานเกิน 30,000 บาทต่อปี ผู้ปกครอง (ผู้เสียภาษี) จะไม่สามารถนำบุตรคนนั้นมาใช้สิทธิ ค่าลดหย่อนบุตร ได้ เนื่องจากบุตรไม่เข้าหลักเกณฑ์การเป็นผู้เยาว์ที่เป็นผู้อยู่ในความอุปการะอีกต่อไป
นี่คือคำอธิบายโดยละเอียดตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร:
หลักเกณฑ์การหักลดหย่อนบุตรตามกฎหมายภาษี
สิทธิในการหักลดหย่อนบุตรเป็นไปตาม มาตรา 47(1)(ค) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งกำหนดเงื่อนไขสำคัญที่เกี่ยวข้องกับรายได้ของบุตรไว้ ดังนี้:
1. เงื่อนไขเกี่ยวกับรายได้ของบุตร
บุตรที่จะนำมาหักลดหย่อนภาษีได้นั้น ต้องไม่มีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีที่ล่วงมาแล้วเกิน 30,000 บาท
- ข้อยกเว้น: เงินได้ที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษี เช่น เงินที่ได้รับจากการอุปการะเลี้ยงดู หรือเงินได้ที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 15% โดยเป็นเงินได้จากดอกเบี้ย เงินปันผล (มาตรา 40(4)) ซึ่งผู้เสียภาษีเลือกไม่นำมารวมคำนวณในการยื่นแบบฯ จะไม่ถูกนับรวมในเกณฑ์ 30,000 บาทนี้
2. สถานะของเงินได้นักศึกษาฝึกงาน/แรงงานรายวัน
ค่าจ้างหรือค่าตอบแทนที่นักศึกษาฝึกงานหรือแรงงานรายวันได้รับ จัดเป็น เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1) (เงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน) ซึ่งเป็น เงินได้ที่ต้องนำมารวมคำนวณภาษี ตามปกติ
- เมื่อนักศึกษาฝึกงานได้รับค่าจ้าง หรือแรงงานรายวันได้รับค่าแรง ซึ่งเป็นเงินได้ 40(1) และจำนวนเงินได้รวมทั้งหมด เกิน 30,000 บาทต่อปี เงินได้นี้จะถูกนำมาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ 30,000 บาททันที
เหตุผลที่เสียสิทธิค่าลดหย่อนบุตร
เมื่อบุตรมีรายได้ 40(1) (เช่น ค่าจ้างจากการฝึกงาน) เกิน 30,000 บาทต่อปี ผลทางภาษีจะเป็นดังนี้:
สถานะของบุตร | เงินได้พึงประเมิน (40(1)) | สิทธิลดหย่อนบุตรของผู้ปกครอง |
เข้าหลักเกณฑ์ | ไม่เกิน 30,000 บาท | ผู้ปกครอง มีสิทธิ หักลดหย่อนบุตร 30,000 บาท |
ไม่เข้าหลักเกณฑ์ | เกิน 30,000 บาท (เช่น 30,001 บาท) | ผู้ปกครอง เสียสิทธิ หักลดหย่อนบุตรคนนั้น |
บทบาทของ “การจ้างแรงงาน”
การที่นักศึกษาฝึกงานหรือแรงงานรายวันได้รับค่าจ้าง แสดงว่าบุตรคนนั้น มีความสามารถในการหารายได้เกินกว่าการเป็นผู้ที่ต้องอุปการะเลี้ยงดูอย่างเต็มที่ ตามเจตนารมณ์ของกฎหมายภาษี
ดังนั้น หากบุตรทำงานและมีรายได้เกิน 30,000 บาท บุตรคนนั้นจะต้องแยกยื่นภาษีเป็นของตนเอง (หากเงินได้สุทธิถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี) และผู้ปกครองจะสูญเสียสิทธิในการหักลดหย่อนบุตรสำหรับปีภาษีนั้นไป
ข้อควรระวังสำหรับผู้ปกครอง
ผู้ปกครองที่มีบุตรทำงานพิเศษในช่วงปิดเทอม หรือรับงานฝึกงาน ควรตรวจสอบยอดรวมเงินได้ที่ได้รับจาก หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ใบ 50 ทวิ) ที่บุตรได้รับจากนายจ้าง หากยอดรวมเกิน 30,000 บาท ต้องแน่ใจว่าได้ตัดรายชื่อบุตรคนนั้นออกจากการหักลดหย่อน เพื่อป้องกันปัญหาการถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลังจากการใช้สิทธิลดหย่อนที่ไม่ถูกต้อง

ถึงแม้ค่าจ้างและผลประโยชน์ของนักศึกษาฝึกงาน หรือแรงงานรายวันจะไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี (เงินได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาทต่อปี) แต่ ผู้จ่ายเงิน (กิจการ) ยังคงมีหน้าที่ทางภาษีที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างครบถ้วน ทั้งการยื่นแบบรายเดือน การยื่นสรุปรายปี และการออกหนังสือรับรองฯ 📄
1. การยื่นแบบ ภ.ง.ด.1 รายเดือน (ภาษีหัก ณ ที่จ่าย)
ความจำเป็นในการยื่น ภ.ง.ด.1
กิจการ ยังคงต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.1 ในแต่ละเดือน แม้ว่าเงินเดือนหรือค่าจ้างรายวันจะไม่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายก็ตาม
- กรณีที่ต้องยื่น: หากมีการจ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1) (เงินเดือน, ค่าจ้าง) ให้แก่พนักงาน/ลูกจ้าง แม้ว่าจะไม่มีการหักภาษี ณ ที่จ่ายเลยก็ตาม กิจการก็ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.1 เพื่อรายงานการจ่ายเงินได้นั้น
- การหักภาษี ณ ที่จ่าย (WHT): โดยทั่วไป ค่าจ้างแรงงานรายวันและนักศึกษาฝึกงาน มักมีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายในแต่ละเดือน (เพราะเมื่อคำนวณภาษีรายเดือนแล้วจะอยู่ในขั้น 0%) ดังนั้นในแบบ ภ.ง.ด.1 ช่อง “จำนวนเงินภาษีที่หักและนำส่ง” จะเป็นศูนย์ (0) บาท แต่ก็ต้องยื่นแบบเพื่อรายงานข้อมูลการจ่ายเงิน
- กำหนดเวลายื่น: ภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป (หรือวันที่ 8 ของเดือนถัดไปหากยื่นผ่านอินเทอร์เน็ต)
2. การยื่นแบบ ภ.ง.ด.1 ก สรุปเงินได้ทั้งปี
ความจำเป็นในการยื่น ภ.ง.ด.1 ก
กิจการ จำเป็นต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.1 ก เพื่อรวมเงินได้ทั้งปีของนักศึกษาฝึกงานและแรงงานรายวัน นำส่งข้อมูลต่อกรมสรรพากร
- วัตถุประสงค์: ภ.ง.ด.1 ก เป็นแบบสรุปการจ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1) และ 40(2) ตลอดปีปฏิทินที่ผ่านมา เพื่อให้สรรพากรมีข้อมูลรายได้ของบุคคลเหล่านั้น และเป็นข้อมูลให้ผู้มีเงินได้ใช้ในการยื่นภาษีประจำปี
- ต้องรวมถึงผู้ที่ไม่มีภาษีหัก: ข้อมูลใน ภ.ง.ด.1 ก ต้องรวมถึงผู้ที่ได้รับค่าจ้างรายวันหรือค่าตอบแทนฝึกงาน ทุกคน ที่มีรายได้รวมเกินเกณฑ์ที่กำหนด (ปัจจุบัน 1,000 บาทต่อปี) ถึงแม้ว่าจะไม่มีการหักภาษี ณ ที่จ่ายก็ตาม
- กำหนดเวลายื่น: ภายใน สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ของปีถัดไป
3. การออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ)
ความจำเป็นในการออก
กิจการ จำเป็นต้องออกหนังสือรับรองหัก ณ ที่จ่าย (ใบ 50 ทวิ) ให้นักศึกษาฝึกงานหรือแรงงานรายวัน ทุกคน ที่มีรายได้รวมตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป เพื่อให้ผู้มีเงินได้นำไปใช้ยื่นภาษีประจำปี
- วัตถุประสงค์: ใช้เป็นหลักฐานแสดงว่าในปีภาษีที่ผ่านมาบุคคลนั้น ๆ ได้รับเงินได้รวมเท่าไหร่ และถูกหักภาษีไปแล้วเท่าไหร่ (แม้จะเป็น 0 บาทก็ตาม) ซึ่งสำคัญมากต่อผู้รับในการยื่น ภ.ง.ด.90/91 เพื่อให้เขาทราบสิทธิและหน้าที่ของตน
ระยะเวลาการออก (ตามกฎหมาย)
ระยะเวลาการออกหนังสือรับรองหัก ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) แบ่งเป็น 2 กรณี:
กรณีที่ 1: การออก ณ สิ้นปีภาษี
- ต้องออกและมอบให้กับผู้มีเงินได้ ภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ของปีถัดจากปีที่มีการจ่ายเงินได้ (พร้อมกับการเตรียมยื่น ภ.ง.ด.1 ก)
กรณีที่ 2: การออกกรณี เลิกจ้าง หรือ ออกจากงานระหว่างปี
- ต้องออกและมอบให้กับผู้มีเงินได้ ภายใน 1 เดือนนับแต่วันที่ออกจากงานตลอดไป (ตามมาตรา 50 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร)
ตัวอย่าง: หากนักศึกษาฝึกงานเลิกฝึกงานในวันที่ 15 กันยายน กิจการจะต้องออกใบ 50 ทวิ และมอบให้กับนักศึกษาคนนั้น ภายในวันที่ 15 ตุลาคม

สำหรับการบันทึกค่าจ้างของนักศึกษาฝึกงานรายวัน หรือแรงงานรายวัน เพื่อให้เป็นรายจ่ายของบริษัทที่สามารถนำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้อย่างถูกต้องตามประมวลรัษฎากรนั้น กิจการจำเป็นต้องมีเอกสารหลักฐานที่แสดงความสัมพันธ์ของการจ้างงาน การจ่ายเงิน และการปฏิบัติตามกฎหมายภาษีอย่างครบถ้วน
เอกสารประกอบหลักฐานสำคัญที่บริษัทควรจัดทำและจัดเก็บ มีดังนี้:
1. เอกสารหลักฐานแสดงความสัมพันธ์ (Proof of Employment) 📝
เอกสารเหล่านี้ใช้ยืนยันว่ามีความสัมพันธ์นายจ้าง-ลูกจ้าง (หรือผู้รับจ้าง) และมีการทำงานจริง ซึ่งสำคัญต่อการพิสูจน์รายจ่ายต่อกรมสรรพากร
เอกสารหลักฐาน | วัตถุประสงค์ |
สัญญาจ้างแรงงาน (หรือสัญญาฝึกงาน) | ใช้เป็นหลักฐานเริ่มต้นที่แสดงข้อตกลงและอัตราค่าจ้าง (รายวัน/ชั่วโมง) และระยะเวลาการจ้างงาน |
สำเนาบัตรประชาชน | ใช้ยืนยันตัวตนของผู้รับเงินและใช้ในการออกใบ 50 ทวิ (หนังสือรับรองหัก ณ ที่จ่าย) |
สำเนาบัญชีธนาคาร (ถ้าจ่ายโอน) | ใช้ยืนยันเลขที่บัญชีเพื่อโอนค่าจ้าง |
ใบลงเวลาทำงาน/บันทึกการทำงาน | ใช้ยืนยันจำนวนวัน/ชั่วโมงที่ทำงานจริง เพื่อคำนวณยอดเงินที่ต้องจ่ายในแต่ละงวด |
2. เอกสารหลักฐานการจ่ายเงิน (Proof of Payment) 💰
เอกสารเหล่านี้คือหลักฐานที่ยืนยันว่าบริษัทได้จ่ายเงินค่าจ้างออกจากบริษัทจริง และผู้รับได้ลงนามรับเงินเรียบร้อยแล้ว
2.1 ใบสำคัญรับเงิน (Payment Voucher/Receipt)
แม้จะมีการจ่ายเป็นเงินสดหรือโอนเงิน บริษัทก็ควรจัดทำ ใบสำคัญรับเงิน (หรือใช้ สลิปเงินเดือน/ใบแจ้งการจ่ายค่าจ้าง หากระบบบัญชีใช้เอกสารนั้น) ซึ่งถือเป็นเอกสารสำคัญที่ผู้รับเงินจะต้องลงนามรับรอง
รายละเอียดในใบสำคัญรับเงิน | ความสำคัญ |
ชื่อ-นามสกุล และที่อยู่ของผู้รับเงิน | ยืนยันตัวตนของผู้รับเงิน |
เลขประจำตัวประชาชน (Tax ID) ของผู้รับเงิน | สำคัญในการพิสูจน์ตัวตนทางภาษี |
จำนวนเงินที่รับ (ระบุทั้งตัวเลขและตัวอักษร) | ยืนยันยอดเงินที่จ่ายและรับ |
ลายมือชื่อผู้รับเงิน | เป็นหลักฐานสำคัญที่สุดที่แสดงว่ามีการจ่ายเงินสด และผู้รับได้รับเงินแล้วจริง |
วันที่จ่ายเงิน | วันที่บริษัทบันทึกรายจ่ายและวันที่ผู้รับได้รับเงิน |
2.2 หลักฐานการโอนเงิน (ถ้าจ่ายผ่านธนาคาร)
หากบริษัทจ่ายค่าจ้างด้วยการโอนเงิน สลิปการโอนเงิน หรือ รายงานการโอนเงินจากธนาคาร (พร้อมระบุชื่อผู้รับ) สามารถใช้แทนใบสำคัญรับเงินที่เป็นลายเซ็นผู้รับได้ แต่ยังคงต้องเก็บใบสำคัญรับเงินเพื่อรวมกับเอกสารอื่น ๆ
3. เอกสารหลักฐานการนำส่งภาษี (Proof of Tax Compliance) 💼
เอกสารเหล่านี้คือหลักฐานการปฏิบัติตามกฎหมายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของผู้จ่ายเงิน (บริษัท)
เอกสารหลักฐาน | วัตถุประสงค์ |
แบบ ภ.ง.ด.1 (รายเดือน) | แบบที่ใช้ ยื่นแสดงรายการ การจ่ายค่าจ้างตามมาตรา 40(1) ในแต่ละเดือน (แม้ว่าจะมีการหักภาษี ณ ที่จ่ายเป็นศูนย์บาทก็ตาม) |
แบบ ภ.ง.ด.1 ก (รายปี) | แบบสรุปการจ่ายเงินได้ 40(1) และ 40(2) ตลอดทั้งปีปฏิทินที่ผ่านมา ต้องรวมนักศึกษา/แรงงานรายวันทุกคน |
หนังสือรับรองหัก ณ ที่จ่าย (ใบ 50 ทวิ) | เอกสารที่ บริษัทออกให้แก่ผู้รับเงิน เพื่อเป็นหลักฐานว่าตลอดปีที่ผ่านมาได้รับเงินได้เท่าไหร่ ซึ่งผู้รับเงินจะใช้ยื่นภาษีประจำปีของตนเอง |
สรุป: การตรวจสอบความครบถ้วน
เพื่อให้รายจ่ายค่าจ้างของนักศึกษาฝึกงาน/แรงงานรายวัน ถูกต้องตามกฎหมายและสามารถนำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทได้ บริษัทต้องมีเอกสารประกอบอย่างน้อย 3 ส่วน ที่เชื่อมโยงกันดังนี้:
- การจ้าง: มีสัญญาจ้างหรือใบสมัครงาน และ ใบลงเวลาทำงานที่ผ่านการอนุมัติ
- การจ่าย: มีใบสำคัญรับเงินที่ลงนามโดยผู้รับเงิน หรือ หลักฐานการโอนเงินที่ชัดเจน
- การภาษี: มีการออก ใบ 50 ทวิ และมีการยื่นแบบ ภ.ง.ด.1 ก อย่างถูกต้อง
หากขาดหลักฐานส่วนใดส่วนหนึ่งไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลักฐานการรับเงิน (ลายเซ็นผู้รับ) และ การปฏิบัติตามการหัก ณ ที่จ่าย (การออก 50 ทวิ/ยื่น ภ.ง.ด.1 ก) กรมสรรพากรอาจพิจารณาปฏิเสธการเป็นรายจ่ายของบริษัทได้ค่ะ

การพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างกิจการกับ นักศึกษาฝึกงานรายวัน และ แรงงานรายวัน ว่าเป็น นายจ้าง-ลูกจ้าง หรือไม่ และต้องขึ้นทะเบียน ประกันสังคม หรือไม่นั้น มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญตามเจตนารมณ์ของกฎหมายไทย
1. ความสัมพันธ์ระหว่างกิจการกับ “นักศึกษาฝึกงานรายวัน”
สำหรับนักศึกษาที่มาฝึกงานและได้รับค่าตอบแทนเป็นรายวัน สถานะทางกฎหมายจะขึ้นอยู่กับ เจตนารมณ์และลักษณะงานที่แท้จริง โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้:
สถานะทางกฎหมาย: ไม่ใช่ลูกจ้าง (โดยหลัก)
โดยหลักการแล้ว การฝึกงานตามหลักสูตรของสถาบันการศึกษา (เช่น สหกิจศึกษา หรือการฝึกปฏิบัติงานจริง) ถือเป็น “การฝึกปฏิบัติเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน” ไม่ใช่การจ้างแรงงานเพื่อแสวงหาผลกำไรเป็นหลัก
- ขาดอำนาจบังคับบัญชา: ความสัมพันธ์นี้มัก ไม่ถือเป็นความสัมพันธ์นายจ้าง-ลูกจ้าง ตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน และมาตรา 575 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เนื่องจากกิจการไม่ได้มี อำนาจบังคับบัญชา (Command and Control) เต็มรูปแบบเหมือนกับลูกจ้างประจำ วัตถุประสงค์หลักคือการสอนและประเมินผล
- ค่าจ้าง vs. เบี้ยเลี้ยง: เงินที่จ่ายให้นักศึกษาฝึกงานรายวัน มักถูกพิจารณาว่าเป็น เบี้ยเลี้ยง หรือ ค่าตอบแทน เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพ มิใช่ ค่าจ้าง (Wages) ที่จ่ายเพื่อแลกกับผลผลิตหรือการบริการภายใต้คำสั่งของนายจ้าง
ข้อควรระวัง (กรณีที่อาจถูกถือเป็นลูกจ้าง)
หากกิจการให้นักศึกษาฝึกงานทำหน้าที่เหมือนพนักงานปกติคนหนึ่ง โดยมี อำนาจบังคับบัญชา มีการมอบหมายงานที่มีลักษณะของการทำงานเพื่อผลผลิตของกิจการเป็นหลัก และไม่ได้เน้นการประเมินผลการศึกษา ความสัมพันธ์นั้นจะเปลี่ยนเป็นนายจ้าง-ลูกจ้างทันที แม้จะเรียกสถานะว่า “นักศึกษาฝึกงาน” ก็ตาม
2. การขึ้นทะเบียนประกันสังคมสำหรับ “นักศึกษาฝึกงานรายวัน”
สรุป: ไม่ต้องขึ้นทะเบียน ม.33 (โดยหลัก)
เนื่องจากนักศึกษาฝึกงานที่มาฝึกตามหลักสูตร ไม่ใช่ “ลูกจ้าง” ตามความหมายของกฎหมายประกันสังคม (มาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ. 2533) กิจการจึง ไม่มีหน้าที่ ต้องขึ้นทะเบียนนักศึกษาฝึกงานเป็นผู้ประกันตน มาตรา 33 และไม่ต้องนำส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม 🙅
อย่างไรก็ตาม:
- กองทุนเงินทดแทน: นักศึกษาฝึกงานจะยังคงได้รับความคุ้มครองตาม กองทุนเงินทดแทน (Workmen’s Compensation Fund) หากประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยจากการทำงาน โดยกิจการมีหน้าที่นำส่งเงินสมทบกองทุนเงินทดแทนสำหรับทุกคนที่มาทำงาน (รวมถึงนักศึกษาฝึกงาน)
- ประกันกลุ่ม/ประกันอุบัติเหตุ: สถาบันการศึกษาอาจมีการทำประกันอุบัติเหตุหรือประกันกลุ่มให้กับนักศึกษาในช่วงฝึกงานไว้แล้ว ซึ่งเป็นความคุ้มครองอีกส่วนหนึ่ง

3. ความสัมพันธ์และการขึ้นทะเบียนของ “แรงงานรายวัน”
สถานะของแรงงานรายวัน (Daily Worker) แตกต่างจากนักศึกษาฝึกงานโดยสิ้นเชิง
สถานะทางกฎหมาย: เป็นลูกจ้าง (แน่นอน)
แรงงานรายวันคือผู้ที่ทำงานให้กิจการโดยได้รับ ค่าจ้าง เป็นรายวัน เพื่อแลกกับการใช้แรงงานและอยู่ภายใต้การ บังคับบัญชา และ ควบคุมเวลาทำงาน ของนายจ้างอย่างชัดเจน
- นิยามลูกจ้าง: เข้าข่ายเป็น “ลูกจ้าง” ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานและกฎหมายประกันสังคมอย่างครบถ้วน ไม่ว่าการจ้างจะเป็นรายวัน รายเดือน หรือการทำงานเต็มเวลาหรือไม่ก็ตาม
การขึ้นทะเบียนประกันสังคมสำหรับ “แรงงานรายวัน”
สรุป: ต้องขึ้นทะเบียน ม.33 (บังคับ)
กิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป มีหน้าที่ต้องนำลูกจ้างเข้าสู่ระบบประกันสังคม มาตรา 33 ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ลูกจ้าง (แรงงานรายวัน) เข้าทำงาน
- ความรับผิดชอบ: กิจการในฐานะนายจ้างต้องนำส่งเงินสมทบในส่วนของนายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐบาล ให้กับสำนักงานประกันสังคมทุกเดือนอย่างสม่ำเสมอ
สถานะ | ความสัมพันธ์ นายจ้าง-ลูกจ้าง | ต้องขึ้นทะเบียน ประกันสังคม ม.33 | ความคุ้มครอง กองทุนเงินทดแทน |
นักศึกษาฝึกงาน (ตามหลักสูตร) | ไม่ถือเป็นลูกจ้าง (เบี้ยเลี้ยง) | ไม่ต้องขึ้นทะเบียน | ต้องได้รับความคุ้มครอง |
แรงงานรายวัน | ถือเป็นลูกจ้าง (ค่าจ้าง) | ต้องขึ้นทะเบียน | ต้องได้รับความคุ้มครอง |
ดังนั้น กิจการต้องตรวจสอบเจตนาและสัญญาให้ชัดเจน เพื่อให้การบริหารทรัพยากรบุคคลเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายทั้งด้านภาษีและด้านแรงงาน
AccProTax รับทำบัญชี ตรวจสอบบัญชี วางแผนภาษี ประสบการณ์กว่า 25 ปี
“สะดวก รวดเร็ว เข้าใจ ให้คำปรึกษาเชิงรุก” คือสิ่งที่ AccProTax ให้ความสำคัญ
เพราะเราเข้าใจดีว่า “เรื่องภาษี” ไม่ใช่เรื่องเล็กที่มองข้ามได้ AccProTax จึงมุ่งเน้นการวางระบบบัญชีและภาษีที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันปัญหาการตีความผิดพลาดและลดความเสี่ยงจากการถูกเรียกเก็บย้อนหลัง ทีมงานของเรามีประสบการณ์กว่า 25 ปี ในการให้บริการทั้งการทำบัญชี ตรวจสอบบัญชี และวางแผนภาษีอย่างรอบด้าน พร้อมคำปรึกษาที่ช่วยให้ธุรกิจเดินหน้าได้อย่างถูกต้อง
ติดต่อ AccProTax ได้เลยวันนี้
AccProTax พร้อมให้คำปรึกษาและดำเนินการจดทะเบียนแบบครบวงจร
ฟรี! ให้คำแนะนำเบื้องต้น
มีแพ็กเกจรายเดือน ปิดงบ รายปี
ดูแลโดยทีมผู้เชี่ยวชาญจริง พร้อมให้บริการธุรกิจ SME ทุกประเภท
ฟรีคำปรึกษาเบื้องต้น
ดูแลเอกสารให้ครบ จดเสร็จในไม่กี่วัน
เฟซบุ๊ก: www.facebook.com/accprotax/
อีเมล: accprotax@gmail.com
โทร: 02-124-3062
LineOA: @accprotax
เริ่มต้นจดทะเบียนบริษัทจำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัด การจัดทำบัญชี วางแผนภาษี และการขอใบอนุญาตต่างๆ อย่างถูกต้อง มีขั้นตอนที่ซับซ้อน ยุ่งยาก และใช้ระยะเวลานาน การมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านงานจดทะเบียนธุรกิจเป็นที่ปรึกษาและวางแผนอย่างใกล้ชิด เพื่อส่งข้อมูลต่อทางการอย่างถูกต้อง เป็นหัวใจสำคัญของก้าวแรกที่เริ่มต้นทำธุรกิจ เรายินดีให้บริการแก่ลูกค้าทุกท่าน พร้อมให้คำแนะนำในด้านการจดทะเบียน บริษัท(บจก.) ห้างหุ้นส่วนจำกัด(หจก.) อย่างครบวงจร รวมถึง จัดทำบัญชี และวางแผนภาษี (Tax Planning) ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ
เมื่อลูกค้าต้องการข้อมูล เรายินดีช่วยเหลือ ให้บริการที่รวดเร็ว ทันเวลา ราคาเหมาะสม คุยอย่างเป็นกันเอง ยินดีให้บริการอย่างเต็มที่ ด้วยความเต็มใจอย่างยิ่งค่ะ
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญฟรี
กรุณากรอกข้อมูล โดยผู้เชี่ยวชาญติดต่อกลับ ให้คำปรึกษาที่ตรงกับความต้องการของคุณได้อย่างรวดเร็ว