ก่อสร้างอาคารบทที่ดินของกรรมการ ประเด็นภาษีควรวางแผน เมื่อบริษัทออกค่าใช้จ่ายในการสร้างอาคารบนที่ดินของกรรมการบริษัท จะเกิดประเด็นทางภาษีและกรรมสิทธิ์ที่ซับซ้อนขึ้นมา ซึ่งต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
สิทธิในการใช้ภาษีซื้อ
บริษัท ไม่สามารถ ใช้ภาษีซื้อจากการก่อสร้างอาคารได้ เนื่องจากตามประมวลรัษฎากร ภาษีซื้อที่สามารถนำมาหักได้ต้องเป็นภาษีซื้อที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการประกอบกิจการของบริษัท และทรัพย์สินที่ก่อสร้างนั้นต้องเป็นของบริษัท แต่ในกรณีนี้ กรรมสิทธิ์ในอาคารจะตกเป็นของเจ้าของที่ดิน คือกรรมการบริษัท ทำให้บริษัทไม่สามารถนำค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างมาใช้เป็นภาษีซื้อได้
หากบริษัทพยายามใช้ภาษีซื้อนี้ อาจถูกกรมสรรพากรตรวจสอบและถูกปฏิเสธการขอคืนภาษีซื้อได้ นอกจากนี้ยังอาจถูกเรียกเก็บเงินเพิ่มและเบี้ยปรับอีกด้วย

กรรมสิทธิ์ในสิ่งปลูกสร้าง
โดยหลักกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สิ่งปลูกสร้างจะถือว่าเป็นส่วนควบของที่ดิน โดยเป็นไปตามมาตรา 144 และมาตรา 146 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งระบุว่า:
- มาตรา 144: “ส่วนควบของทรัพย์ หมายความว่า ส่วนซึ่งโดยสภาพแห่งทรัพย์หรือโดยจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่นเป็นสาระสำคัญในความเป็นอยู่ของทรัพย์นั้น และไม่อาจแยกจากกันได้นอกจากจะทำลาย ทำลายตัวทรัพย์ หรือทำให้ทรัพย์นั้นเปลี่ยนแปลงรูปทรงหรือสภาพไป”
- มาตรา 146: “ทรัพย์ซึ่งติดกับที่ดินเป็นการถาวร หรืออาคาร ซึ่งปลูกสร้างในที่ดินของผู้อื่น ถือว่าเป็นส่วนควบของที่ดินนั้น”
ดังนั้น ในกรณีนี้ เมื่อบริษัทก่อสร้างอาคารบนที่ดินของกรรมการบริษัท กรรมสิทธิ์ในอาคารจะ ตกเป็นของกรรมการบริษัท ในฐานะเจ้าของที่ดินทันที แม้ว่าบริษัทจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างก็ตาม

ข้อควรระวังและการแก้ไข
เพื่อป้องกันปัญหาทางกฎหมายและภาษีที่อาจเกิดขึ้น บริษัทควรมีการทำสัญญาที่ชัดเจนและถูกต้อง:
- ทำสัญญาเช่าที่ดินระยะยาว: บริษัทควรทำสัญญาเช่าที่ดินจากกรรมการบริษัท โดยระบุให้ชัดเจนว่าบริษัทมีสิทธิในการปลูกสร้างอาคารบนที่ดินดังกล่าว และในสัญญาควรระบุว่าเมื่อสัญญาสิ้นสุดกรรมสิทธิ์ในอาคารจะตกเป็นของใคร
- ทำสัญญาให้บริษัทเป็นผู้รับสิทธิเหนือพื้นดิน (Superficies): บริษัทสามารถทำสัญญาให้มีสิทธิเหนือพื้นดินในการปลูกสร้างอาคารได้ ซึ่งจะทำให้บริษัทเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในอาคารที่ก่อสร้างขึ้น แม้จะอยู่บนที่ดินของผู้อื่นก็ตาม ซึ่งจะต้องมีการจดทะเบียนสิทธิเหนือพื้นดินกับกรมที่ดิน
การทำสัญญาที่ถูกต้องและชัดเจนจะช่วยให้บริษัทสามารถ ใช้ภาษีซื้อ ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพราะถือว่าเป็นการก่อสร้างทรัพย์สินของบริษัทเพื่อใช้ในกิจการ นอกจากนี้ยังเป็นการแยกกรรมสิทธิ์ระหว่างบริษัทและกรรมการให้ชัดเจนอีกด้วย

กรณีที่กิจการออกค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอาคาร แต่ไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในอาคารนั้น (เพราะสร้างบนที่ดินของบุคคลอื่น) การพิจารณารายจ่ายและการหักค่าเสื่อมราคาจะแตกต่างกันไปตามประเภทของสัญญาและกฎหมายภาษีที่เกี่ยวข้อง
1. การนำรายจ่ายมาคำนวณค่าเสื่อมราคา
กิจการ ไม่สามารถ นำค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอาคารมาหักเป็นค่าเสื่อมราคาตามปกติได้ เนื่องจากโดยหลักเกณฑ์ทางบัญชีและภาษีแล้ว การจะหักค่าเสื่อมราคาได้ ทรัพย์สินนั้นต้องเป็น กรรมสิทธิ์ของกิจการ เพื่อใช้ในการประกอบกิจการ หากอาคารไม่ได้เป็นของกิจการ รายจ่ายที่เกิดขึ้นจะถือเป็น ค่าใช้จ่ายเพื่อการได้มาซึ่งสิทธิการใช้อาคาร ไม่ใช่การได้มาซึ่งทรัพย์สิน
2. อายุการใช้สิทธิในการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคา
ในกรณีนี้ กิจการจะไม่มีสิทธิหักค่าเสื่อมราคาอาคาร แต่จะสามารถหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการก่อสร้างอาคารในลักษณะของ ค่าใช้จ่ายในการได้มาซึ่งสิทธิการใช้อาคาร ซึ่งการหักค่าใช้จ่ายนี้จะขึ้นอยู่กับประเภทของสัญญาที่ทำไว้
- หากไม่มีการกำหนดระยะเวลาการใช้สิทธิในสัญญา: กิจการจะต้องทำการเฉลี่ยค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอาคารเป็นค่าใช้จ่ายของกิจการ โดยมีอายุการตัดจำหน่าย 10 ปี ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน มาตรา 40
- หากมีการกำหนดอายุสัญญาการใช้อาคารที่แน่นอน: กิจการสามารถหักค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอาคารได้ตามอายุสัญญาที่กำหนดไว้ในสัญญาเช่าหรือสัญญาการใช้สิทธิ โดยการคำนวณจะเป็นการเฉลี่ยรายจ่ายตามอายุสัญญา เช่น หากมีการระบุสัญญาไว้ 5 ปี กิจการจะสามารถเฉลี่ยค่าใช้จ่ายเพื่อตัดเป็นรายจ่ายของกิจการได้ภายใน 5 ปี
สรุป
เงื่อนไข | การนำรายจ่ายมาใช้ | อายุการหักค่าเสื่อมราคา/ตัดจำหน่าย |
บริษัทเป็นเจ้าของอาคาร | นำมาใช้ได้ในชื่อ “ค่าเสื่อมราคา” | 20 ปี (อาคารถาวร) |
บริษัทไม่ได้เป็นเจ้าของอาคาร (สร้างบนที่ดินคนอื่น) | นำมาใช้ได้ในชื่อ “ค่าใช้จ่ายในการได้สิทธิ” | 10 ปี (หากไม่มีสัญญาระยะเวลา) ตามอายุสัญญา (หากมีสัญญาระยะเวลา) |

กรณีที่บริษัทออกค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอาคารบนที่ดินของกรรมการบริษัท มูลค่าการก่อสร้างนั้น จะต้องถือเป็นเงินได้ของกรรมการ และนำไปคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของกรรมการ ตามกฎหมายภาษีของไทย
หลักการพิจารณา
กรมสรรพากรจะถือว่ามูลค่าการก่อสร้างอาคารที่บริษัทจ่ายไปนั้น เป็นเสมือน “ประโยชน์ที่ได้รับเป็นตัวเงินหรือทรัพย์สิน” (Fringe Benefits) ที่กรรมการได้รับจากบริษัท โดยประโยชน์นี้ถือเป็นเงินได้ประเภทที่ 4 (เงินได้จากทรัพย์สิน) ตามมาตรา 40(4) แห่งประมวลรัษฎากร หรืออาจเข้าข่ายเงินได้ประเภทที่ 8 (เงินได้จากธุรกิจ การพาณิชย์ หรือการอื่นนอกเหนือจากที่ระบุไว้) ตามมาตรา 40(8) แล้วแต่กรณี โดยกรมสรรพากรจะพิจารณาจากข้อเท็จจริงและเจตนารมณ์ของการจ่ายเงินนั้น
- การประเมินมูลค่า: มูลค่าของเงินได้ที่กรรมการได้รับคือ มูลค่าที่แท้จริงของค่าก่อสร้าง ที่บริษัทจ่ายไปทั้งหมด รวมถึงค่าวัสดุ ค่าแรง และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง
- การยื่นภาษี: กรรมการจะต้องนำมูลค่าการก่อสร้างนี้ไปรวมเป็นเงินได้พึงประเมินของตนเองในรอบปีภาษีนั้น และยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.90) เพื่อคำนวณภาษีตามอัตราก้าวหน้า
- การพิจารณาของสรรพากร: กรมสรรพากรจะพิจารณาว่าการก่อสร้างอาคารนี้เป็นการให้ประโยชน์แก่กรรมการโดยตรง ซึ่งถือเป็นรายได้ของกรรมการ ไม่ใช่รายจ่ายของบริษัทในการสร้างทรัพย์สินของบริษัทเอง
เหตุผลทางกฎหมายและภาษี
- กรรมสิทธิ์ในสิ่งปลูกสร้าง: ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สิ่งปลูกสร้างเป็นส่วนควบของที่ดิน เมื่อบริษัทก่อสร้างอาคารบนที่ดินของกรรมการ กรรมสิทธิ์ในอาคารนั้นจึงตกเป็นของกรรมการโดยอัตโนมัติ ทำให้กรรมการได้รับประโยชน์จากมูลค่าที่เพิ่มขึ้นของทรัพย์สินทันที
- การเลี่ยงภาษี: การที่บริษัทออกค่าใช้จ่ายแทนกรรมการ จะถูกมองว่าเป็นการพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของกรรมการ และในขณะเดียวกันก็พยายามนำรายจ่ายนั้นมาใช้เป็นรายจ่ายของบริษัท ซึ่งเป็นการใช้ช่องว่างทางภาษีที่ไม่ถูกต้อง

ผลกระทบต่อบริษัท
บริษัท ไม่สามารถ นำค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอาคารมาถือเป็น รายจ่ายของบริษัท ได้ เพราะถือว่าเป็นการจ่ายเงินเพื่อประโยชน์ของกรรมการโดยตรง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจการของบริษัท หากบริษัทบันทึกรายจ่ายนี้ อาจถูกกรมสรรพากรปฏิเสธการเป็นรายจ่ายทางภาษี และต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่ม พร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่มดังนั้น การดำเนินการที่ถูกต้องคือการที่กรรมการเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง และหากบริษัทต้องการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่กรรมการ ควรทำในรูปแบบของเงินเดือน โบนัส หรือการให้กู้ยืมอย่างเป็นทางการ ซึ่งต้องมีการบันทึกบัญชีที่ชัดเจนและถูกต้องตามกฎหมายภาษีค่ะ
AccProTax รับทำบัญชี ตรวจสอบบัญชี วางแผนภาษี ประสบการณ์กว่า 25 ปี
“สะดวก รวดเร็ว เข้าใจ ให้คำปรึกษาเชิงรุก” คือสิ่งที่ AccProTax ให้ความสำคัญ
เพราะเราเข้าใจดีว่า “เรื่องภาษี” ไม่ใช่เรื่องเล็กที่มองข้ามได้ AccProTax จึงมุ่งเน้นการวางระบบบัญชีและภาษีที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันปัญหาการตีความผิดพลาดและลดความเสี่ยงจากการถูกเรียกเก็บย้อนหลัง ทีมงานของเรามีประสบการณ์กว่า 25 ปี ในการให้บริการทั้งการทำบัญชี ตรวจสอบบัญชี และวางแผนภาษีอย่างรอบด้าน พร้อมคำปรึกษาที่ช่วยให้ธุรกิจเดินหน้าได้อย่างถูกต้อง
ติดต่อ AccProTax ได้เลยวันนี้
AccProTax พร้อมให้คำปรึกษาและดำเนินการจดทะเบียนแบบครบวงจร
ฟรี! ให้คำแนะนำเบื้องต้น
มีแพ็กเกจรายเดือน ปิดงบ รายปี
ดูแลโดยทีมผู้เชี่ยวชาญจริง พร้อมให้บริการธุรกิจ SME ทุกประเภท
ฟรีคำปรึกษาเบื้องต้น
ดูแลเอกสารให้ครบ จดเสร็จในไม่กี่วัน
เฟซบุ๊ก: www.facebook.com/accprotax/
อีเมล: accprotax@gmail.com
โทร: 02-124-3062
LineOA: @accprotax
เริ่มต้นจดทะเบียนบริษัทจำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัด การจัดทำบัญชี วางแผนภาษี และการขอใบอนุญาตต่างๆ อย่างถูกต้อง มีขั้นตอนที่ซับซ้อน ยุ่งยาก และใช้ระยะเวลานาน การมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านงานจดทะเบียนธุรกิจเป็นที่ปรึกษาและวางแผนอย่างใกล้ชิด เพื่อส่งข้อมูลต่อทางการอย่างถูกต้อง เป็นหัวใจสำคัญของก้าวแรกที่เริ่มต้นทำธุรกิจ เรายินดีให้บริการแก่ลูกค้าทุกท่าน พร้อมให้คำแนะนำในด้านการจดทะเบียน บริษัท(บจก.) ห้างหุ้นส่วนจำกัด(หจก.) อย่างครบวงจร รวมถึง จัดทำบัญชี และวางแผนภาษี (Tax Planning) ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ
เมื่อลูกค้าต้องการข้อมูล เรายินดีช่วยเหลือ ให้บริการที่รวดเร็ว ทันเวลา ราคาเหมาะสม คุยอย่างเป็นกันเอง ยินดีให้บริการอย่างเต็มที่ ด้วยความเต็มใจอย่างยิ่งค่ะ
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญฟรี
กรุณากรอกข้อมูล โดยผู้เชี่ยวชาญติดต่อกลับ ให้คำปรึกษาที่ตรงกับความต้องการของคุณได้อย่างรวดเร็ว