ภาษีธุรกิจเฉพาะ เป็นภาษีที่จัดเก็บจากการประกอบกิจการบางประเภทที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างชัดเจน ซึ่งมักจะเป็นกิจการที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) แต่ถูกกำหนดให้เสียภาษีธุรกิจเฉพาะแทน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษี และอุดช่องว่างทางภาษีในบางธุรกิจ
ลักษณะของภาษีธุรกิจเฉพาะ
- ภาษีทางอ้อม: เป็นภาษีที่เก็บจากฐานการประกอบกิจการเฉพาะอย่าง
- แทนที่ภาษีมูลค่าเพิ่ม: กิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะจะได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับรายรับที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะนั้น
- เก็บจาก “รายรับ”: ฐานภาษีของภาษีธุรกิจเฉพาะคือ “รายรับ” ที่ได้จากการประกอบกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ไม่ใช่ “กำไร”
- อัตราภาษีต่ำ: โดยทั่วไปอัตราภาษีจะต่ำกว่า VAT และเป็นอัตราเดียว (ไม่ใช่อัตราก้าวหน้า)
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะคือ ผู้ประกอบกิจการ ที่มีการดำเนินงานตามประเภทที่กฎหมายกำหนด ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา คณะบุคคล ห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือนิติบุคคล

กิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะที่สำคัญ ได้แก่:
- กิจการธนาคาร ตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ หรือกฎหมายเฉพาะ
- กิจการธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์
- การรับประกันชีวิต ตามกฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิต
- การรับจำนำ ตามกฎหมายว่าด้วยโรงรับจำนำ
- การค้าอสังหาริมทรัพย์เพื่อหากำไร (ไม่ว่าจะเป็นการขาย การให้เช่าซื้อ หรือการให้เช่าระยะยาว) รวมถึงการประกอบกิจการอื่นในทำนองเดียวกัน
- สำคัญมาก: กิจการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นปกติธุระ (โดยทั่วไปคือมีการซื้อมาขายไปอย่างสม่ำเสมอ หรือถือครองไม่เกิน 5 ปี) จะต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ
- การขายคืนหน่วยลงทุน ของกองทุนรวม (ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด)
- กิจการโรงเลื่อนจำนำ (สำหรับรายรับค่าธรรมเนียมจากการรับจำนำ)

ฐานภาษีและอัตราภาษี
ฐานภาษีของภาษีธุรกิจเฉพาะคือ “รายรับ” ที่กิจการได้รับจากการประกอบกิจการนั้นๆ ส่วนอัตราภาษีจะแตกต่างกันไปตามประเภทกิจการ และอาจมีการคำนวณ “ภาษีท้องถิ่น” เพิ่มเติมอีก 10% ของภาษีธุรกิจเฉพาะที่คำนวณได้
นี่คือฐานภาษีและอัตราภาษีที่นิยมและสำคัญ:
ประเภทกิจการ |
ฐานภาษี (รายรับ) |
อัตราภาษีธุรกิจเฉพาะ |
อัตราภาษีรวมภาษีท้องถิ่น (10% ของ SBT) |
ธนาคาร, ธุรกิจเงินทุน, หลักทรัพย์, เครดิตฟองซิเอร์ | 1. ดอกเบี้ย, ส่วนลด, ค่าธรรมเนียม, ค่าบริการ | 2.5% | 2.75% |
2. กำไรก่อนหักรายจ่ายจากการแลกเปลี่ยนเงินตรา, การออกตั๋วเงิน, การส่งเงิน | 2.5% | 2.75% | |
การรับประกันชีวิต | ดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการ | 2.5% | 2.75% |
การรับจำนำ | ดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมจากการรับจำนำ | 2.5% | 2.75% |
การค้าอสังหาริมทรัพย์เพื่อหากำไร | รายรับก่อนหักรายจ่ายจากการขาย | 3.0% | 3.3% |
การขายคืนหน่วยลงทุน | ผลประโยชน์ที่ได้รับจากการขายคืนหน่วยลงทุน | 3.0% | 3.3% |

ตัวอย่างการคำนวณ:
- กิจการค้าอสังหาริมทรัพย์เพื่อหากำไร:
- ขายอสังหาริมทรัพย์ได้เงิน 5,000,000 บาท
- ภาษีธุรกิจเฉพาะ = 5,000,000 บาท x 3.0% = 150,000 บาท
- ภาษีท้องถิ่น (10% ของ SBT) = 150,000 บาท x 10% = 15,000 บาท
- รวมภาษีที่ต้องชำระ = 150,000 + 15,000 = 165,000 บาท
หน้าที่ของผู้ที่ต้องยื่นภาษีธุรกิจเฉพาะ
ผู้ประกอบกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะมีหน้าที่หลักดังนี้:
-
จดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ:
- ผู้ประกอบกิจการที่มีรายรับเกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนด (ปัจจุบัน 1.8 ล้านบาทต่อปี) สำหรับกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ (ภ.ธ.01) ภายใน 30 วันนับแต่วันที่เริ่มมีรายรับเกินเกณฑ์
- ในกรณีที่เป็นกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะแต่แรกเริ่ม (เช่น ธนาคาร) ต้องจดทะเบียนภายใน 30 วันนับแต่วันเริ่มประกอบกิจการ
-
จัดทำรายงานแสดงรายรับก่อนหักรายจ่าย:
- ต้องจัดทำรายงานการรับเงินและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ
-
ยื่นแบบแสดงรายการภาษีธุรกิจเฉพาะ (ภ.ธ. 40) และชำระภาษี:
- ผู้ประกอบกิจการต้องยื่นแบบ ภ.ธ. 40 และชำระภาษีธุรกิจเฉพาะ เป็นรายเดือน
- กำหนดการยื่น: ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไปจากเดือนที่ได้รับรายรับ
- ช่องทาง: สามารถยื่นได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา, ธนาคารที่ได้รับอนุญาต, หรือยื่นผ่านระบบอินเทอร์เน็ตของกรมสรรพากร (ซึ่งอาจได้รับขยายเวลาออกไปอีก 7 วัน เป็นภายในวันที่ 22 ของเดือนถัดไป)


บทลงโทษหากไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายภาษีธุรกิจเฉพาะ
การไม่ปฏิบัติตามกฎหมายภาษีธุรกิจเฉพาะมีบทลงโทษที่รุนแรง ทั้งทางแพ่งและทางอาญา:
-
ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีภายในกำหนด:
-
โทษปรับทางอาญา: ปรับไม่เกิน 2,000 บาท
-
-
ยื่นแบบแสดงรายการภาษีไม่ถูกต้อง หรือแสดงยอดภาษีขาดไป:
-
เงินเพิ่ม: ต้องเสียเงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือน หรือเศษของเดือน ของเงินภาษีที่ต้องชำระเพิ่ม (เริ่มนับตั้งแต่วันพ้นกำหนดเวลาการยื่นแบบฯ จนถึงวันที่ชำระครบ)
-
เบี้ยปรับ:
-
ยื่นแบบฯ ภายในกำหนด แต่แสดงยอดภาษีขาดไป: เบี้ยปรับ 1 เท่าของเงินภาษีที่ขาด
-
ไม่ยื่นแบบฯ หรือยื่นแบบฯ หลังพ้นกำหนด: เบี้ยปรับ 2 เท่าของเงินภาษีที่ต้องชำระ
-
การลดหย่อนเบี้ยปรับ: เบี้ยปรับสามารถลดหย่อนได้ตามคำสั่งอธิบดีกรมสรรพากร (เช่น หากชำระทั้งหมดพร้อมเงินเพิ่ม อาจลดเบี้ยปรับได้ถึง 50% หรือ 100% ในบางกรณี)
-
-
-
ไม่ชำระภาษีภายในกำหนด:
-
เงินเพิ่ม: ต้องเสียเงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือน หรือเศษของเดือน ของเงินภาษีที่ต้องชำระ (เช่นเดียวกับกรณีแสดงยอดขาด)
-
-
ไม่จดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ หรือแจ้งเลิกกิจการ:
-
โทษปรับทางอาญา: ปรับไม่เกิน 2,000 บาท
-
-
เจตนาฉ้อโกง หลีกเลี่ยงภาษี:
-
โทษปรับทางอาญา: จำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 200,000 บาท
-
-
ไม่จัดทำรายงาน หรือไม่เก็บเอกสารหลักฐาน:
-
โทษปรับทางอาญา: ปรับไม่เกิน 2,000 บาท
-

การทำความเข้าใจและปฏิบัติตามกฎหมายภาษีธุรกิจเฉพาะอย่างเคร่งครัดเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบกิจการที่เข้าข่าย เพื่อหลีกเลี่ยงภาระทางภาษีที่อาจบานปลายจากบทลงโทษต่างๆ ค่ะ
ติดต่อ AccProTax ได้เลยวันนี้
AccProTax พร้อมให้คำปรึกษาและดำเนินการจดทะเบียนแบบครบวงจร
ฟรี! ให้คำแนะนำเบื้องต้น
มีแพ็กเกจรายเดือน ปิดงบ รายปี
ดูแลโดยทีมผู้เชี่ยวชาญจริง พร้อมให้บริการธุรกิจ SME ทุกประเภท
ฟรีคำปรึกษาเบื้องต้น
ดูแลเอกสารให้ครบ จดเสร็จในไม่กี่วัน
อีเมล: accprotax@gmail.com
โทร: 02-124-3062
LineOA: @accprotax