ทำไมไม่ควรนำสินทรัพย์ส่วนตัวมาใช้ในธุรกิจ
ทำไมไม่ควรนำสินทรัพย์ส่วนตัว มาใช้ในธุรกิจ
เราไม่ควรที่จะซื้อสินทรัพย์ส่วนตัวมาใช้ในชื่อธุรกิจ เพราะจะเป็นปัญหาอย่างแน่นอน
ยกตัวอย่างจาก
นาย A ซื้อตู้เย็นมาใช้ที่บ้าน แต่กลับบอกให้พนักงานขายออกใบกำกับภาษีในชื่อบริษัทที่ตัวเองเป็นกรรมการอยู่ พร้อมกับส่งต่อให้พนักงงานไปลงบัญชีเป็นทรัพย์สินของบริษัท
สมมุติตู้เย็นราคา 100,000 บาท และทางบัญชีก็ตัดอายุการใช้งานทั้งหมด 5 ปี ตกเป็นค่าเสื่อมราคาปีละ 20,000 บาท ที่จะเอามาเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรของกิจการ
สิ่งที่เกิดขึ้น คือ
- มุมของบัญชี
ไม่สะท้อนกำไรที่แท้จริง เพราะในแต่ละปีมีค่าเสื่อมราคาจำนวน 20,000 บาท มาลดกำไรจากการประกอบกิจการลง แต่ไม่ได้ใช้สินทรัพย์ในการทำงานของบริษัท
- มุมทางด้านภาษี
ค่าเสื่อมราคาส่วนนี้จะถูกตัดเป็นรายจ่ายต้องห้ามทันที เพราะเป็นรายจ่ายส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวข้องกับกิจการ ซึ่งไม่สามารถใช้เป็นรายจ่ายในการคำนวณภาษีได้
ดังนั้นเราจึงไม่ควรนำสินทรัพย์ส่วนตัวมาใช้ในธุรกิจ ในกรณีที่สินทรัพย์นั้นไม่ได้มีการใช้งานจริง เพราะจะไม่สามารถเป็นรายจ่ายในการคำนวณภาษีได้ และทำให้ตัวเลขกำไรที่เกิดขึ้นผิดพลาดไปด้วยนั่นเอง
แต่ถ้าหากเป็นสินทรัพย์ส่วนตัวที่นำมาใช้ในธุรกิจได้จริง อันนี้สิ่งที่ควรพิจารณาน่าจะเป็นเรื่องของการเช่ามากกว่า (เพราะถ้าตั้งใจซื้อมาใช้ในธุรกิจตั้งแต่แรก ก็คงไม่เรียกว่าสินทรัพย์ส่วนตัวใช่ไหม) โดยค่าเช่าที่เหมาะสมในการเป็นค่าใช้จ่ายนั้นไม่ควรสูงเกินกว่าปกติ (เพื่อสร้างค่าใช้จ่ายให้กับบริษัท) และอย่าลืมว่า ทุกค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นมานั้นมันถือเป็นรายได้ของผู้ให้เช่าเช่นเดียวกัน
ท้ายที่สุดแล้ว การตัดสินใจซื้อสินทรัพย์มาใช้ในธุรกิจไม่มีบทสรุปที่ตายตัว แต่เราควรที่จะต้องรู้ว่าเราซื้อมาเพื่ออะไร และเอาไปใช้ในกรณีไหนกันแน่ เพื่อให้สินทรัพย์ที่ใช้งานนั้น ได้ใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าที่สุด
เกร็ดความรู้จากธรรมนิติ : ทำไมไม่ควรนำสินทรัพย์ส่วนตัว มาใช้ในธุรกิจ
อ้างอิง : https://flowaccount.com/blog/personal-assets/