เงินกู้ยืมกรรมการ คืออะไร? ส่งผลเสียอย่างไรต่อกิจการ

เงินกู้ยืมกรรมการ (Loans to/from Directors) หมายถึง การที่กิจการ (บริษัท/นิติบุคคล) มีการทำธุรกรรมกู้ยืมเงินกับกรรมการของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่ กรรมการให้บริษัทกู้ยืมเงิน หรือ บริษัทให้กรรมการกู้ยืมเงิน ซึ่งทั้งสองกรณีมีวัตถุประสงค์และผลกระทบที่แตกต่างกัน แต่มีประเด็นทางภาษีที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ

โดยทั่วไปแล้ว ประเด็นปัญหาทางภาษีและผลเสียต่อกิจการมักจะเกิดขึ้นในกรณีที่ บริษัทให้กรรมการกู้ยืมเงิน มากกว่า


1. เงินกู้ยืมกรรมการคืออะไร?

คือ การทำธุรกรรมกู้ยืมเงินระหว่างบริษัทกับกรรมการ ไม่ใช่การเพิ่มทุนหรือลดทุนของบริษัท เป็นการก่อให้เกิดหนี้สินและลูกหนี้-เจ้าหนี้ระหว่างกัน

  • กรรมการให้บริษัทกู้ยืมเงิน (Director lends to Company):
    • กรรมการนำเงินส่วนตัวมาให้บริษัทกู้ยืม เพื่อเสริมสภาพคล่อง หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนของกิจการ โดยอาจมีหรือไม่คิดดอกเบี้ยก็ได้
    • สถานะทางบัญชี: เป็นหนี้สินของบริษัท (เจ้าหนี้กรรมการ)
  • บริษัทให้กรรมการกู้ยืมเงิน (Company lends to Director):
    • บริษัทนำเงินทุนของกิจการให้กรรมการกู้ยืมไปใช้ โดยอาจมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ส่วนตัว หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่อาจเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องกับกิจการก็ได้ และอาจมีการคิดดอกเบี้ยหรือไม่คิดดอกเบี้ยก็ได้
    • สถานะทางบัญชี: เป็นสินทรัพย์ของบริษัท (ลูกหนี้กรรมการ)
เงินกู้ยืมกรรมการ คืออะไร? การคิดดอกเบี้ยจากกรรมการ อย่างไร?
เงินกู้ยืมกรรมการ คืออะไร? การคิดดอกเบี้ยจากกรรมการ อย่างไร?
สาเหตุที่เกิดเงินกู้ยืมกรรมการ
สาเหตุที่เกิดเงินกู้ยืมกรรมการ

2. ผลเสียต่อกิจการและกฎหมายภาษีในกรณี “บริษัทให้กรรมการกู้ยืมเงิน”

กรณีที่บริษัทให้กรรมการกู้ยืมเงิน เป็นกรณีที่กรมสรรพากรให้ความสนใจและตรวจสอบอย่างเข้มงวด เนื่องจากอาจมีเจตนาแอบแฝงในการหลีกเลี่ยงภาษี หรือการนำเงินของกิจการไปใช้โดยมิชอบ

ผลเสียต่อกิจการ (ทั่วไป):

  1. ปัญหาด้านสภาพคล่องของบริษัท: การที่เงินสดของบริษัทไหลออกไปอยู่ในมือของกรรมการ อาจทำให้บริษัทขาดสภาพคล่องในการดำเนินงาน หรือไม่มีเงินเพียงพอสำหรับลงทุนในธุรกิจหลัก
  2. ความไม่ชัดเจนระหว่างเงินส่วนตัวกับเงินกิจการ: ทำให้เส้นแบ่งระหว่างสินทรัพย์ของบริษัทกับสินทรัพย์ส่วนตัวของกรรมการพร่ามัว เสี่ยงต่อการนำเงินบริษัทไปใช้ในทางที่มิชอบ
  3. ปัญหาด้านความน่าเชื่อถือทางบัญชีและการเงิน: หากยอดลูกหนี้กรรมการสูงมาก และไม่มีการชำระคืนตามกำหนดเวลา อาจทำให้งบการเงินของบริษัทไม่สะท้อนสถานะทางการเงินที่แท้จริง และทำให้ผู้มีส่วนได้เสีย (เช่น นักลงทุน, ธนาคาร) ไม่เชื่อมั่น
  4. ความเสี่ยงที่จะเป็นหนี้เสีย: หากกรรมการไม่สามารถชำระคืนได้ อาจกลายเป็นหนี้เสีย ซึ่งบริษัทจะไม่สามารถตัดเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ในภายหลัง (ตามที่อธิบายด้านล่าง)

ผลเสียต่อกฎหมายภาษี (มุมมองสรรพากร):

  1. อาจถูกตีความเป็น “เงินปันผลอำพราง” หรือ “เงินได้อื่นของกรรมการ” (Deemed Dividend / Disguised Income):

    • ประเด็น: หากบริษัทให้กรรมการกู้ยืมเงิน โดยไม่คิดดอกเบี้ย หรือ คิดดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำกว่าอัตราตลาดอย่างเห็นได้ชัด และไม่มีเจตนาที่จะเรียกร้องคืนจริง หรือไม่มีการชำระคืนอย่างสม่ำเสมอ
    • ผลกระทบ: กรมสรรพากรอาจพิจารณาว่า ประโยชน์ที่กรรมการได้รับจากการไม่ต้องเสียดอกเบี้ย (หรือเสียดอกเบี้ยต่ำ) เป็นเหมือน “เงินปันผลอำพราง” หรือ “เงินได้พึงประเมินประเภทอื่น” ของกรรมการ
      • ต่อกรรมการ: กรรมการจะต้องนำดอกเบี้ยที่ควรจะต้องจ่าย (ตามอัตราตลาดที่สรรพากรกำหนด) มาถือเป็น เงินได้พึงประเมิน ของตนเอง และต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ซึ่งอาจถูกประเมินเป็นเงินได้ 40(8) หรือ 40(4) แล้วแต่กรณี)
      • ต่อบริษัท: บริษัทจะไม่มีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่สามารถนำไปหักภาษีได้ และอาจถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามหลักการค้าปกติ (Arm’s Length Principle) ซึ่งอาจกระทบต่อการพิจารณารายได้และรายจ่ายอื่นๆ ของบริษัท
  2. ขาดรายได้ดอกเบี้ยของบริษัท (Foregone Income):

    • ประเด็น: หากบริษัทให้กู้ยืมเงินโดยไม่คิดดอกเบี้ย หรือคิดดอกเบี้ยต่ำ สรรพากรอาจมองว่าบริษัทมี “รายได้ที่พึงได้” แต่ไม่ได้บันทึก ซึ่งอาจนำไปสู่การประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัทเพิ่มขึ้น
    • ผลกระทบ: บริษัทอาจถูกประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้นจากรายได้ดอกเบี้ยที่ควรจะได้รับ
  3. ไม่สามารถตัดเป็น “หนี้สูญ” ทางภาษีได้:

    • ประเด็น: หากกรรมการไม่สามารถชำระคืนเงินกู้ได้ และบริษัทต้องการจะตัดจำหน่ายหนี้ดังกล่าวเป็นหนี้สูญ
    • ผลกระทบ: โดยทั่วไปแล้ว เงินกู้ยืมกรรมการ (โดยเฉพาะหากไม่มีวัตถุประสงค์ทางธุรกิจที่ชัดเจน, ไม่มีหลักประกัน, หรือดอกเบี้ยไม่เป็นธรรม) จะ ไม่สามารถนำมาตัดเป็นค่าใช้จ่าย “หนี้สูญ” ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีได้ เนื่องจากสรรพากรจะมองว่าไม่ใช่หนี้ที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจตามปกติ แต่เป็นเงินให้กู้ยืมส่วนตัว
  4. ขาดหลักฐานและเอกสารประกอบที่รัดกุม:

    • ประเด็น: หากไม่มีสัญญาเงินกู้ที่ชัดเจน, ไม่มีกำหนดชำระ, ไม่มีหลักประกัน, หรือไม่มีการบันทึกการรับ-จ่ายชำระคืนที่เป็นระบบ
    • ผลกระทบ: สรรพากรจะยิ่งตั้งข้อสงสัยในความถูกต้องของรายการ และอาจตีความว่าไม่ใช่การกู้ยืมจริง แต่เป็นเงินที่กรรมการนำไปใช้ส่วนตัวโดยไม่มีหลักฐาน

      ผลเสียหรือความเสี่ยงต่อกิจการ เกี่ยวกับเงินกู้ยืมกรรมการ
      ผลเสียหรือความเสี่ยงต่อกิจการ เกี่ยวกับเงินกู้ยืมกรรมการ

กรณี “กรรมการให้บริษัทกู้ยืมเงิน” (ผลกระทบด้านภาษีที่ควรพิจารณา):

แม้กรณีนี้จะสร้างปัญหาน้อยกว่า แต่ก็มีประเด็นที่ต้องใส่ใจ:

  1. การหักดอกเบี้ยจ่ายของบริษัท:

    • หากบริษัทจ่ายดอกเบี้ยให้กรรมการ ดอกเบี้ยนั้นจะเป็น ค่าใช้จ่ายที่หักได้ ในการคำนวณกำไรสุทธิของบริษัท แต่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไข:
      • เป็นดอกเบี้ยที่จ่ายไปจริง
      • เป็นไปตามอัตราตลาดที่สมเหตุสมผล (ไม่สูงเกินไปจนดูเหมือนการปันผลกำไรอำพราง)
      • มีหลักฐานการกู้ยืมและชำระดอกเบี้ยที่ชัดเจน
    • หากอัตราดอกเบี้ยสูงเกินไป: สรรพากรอาจพิจารณาว่าไม่ใช่ดอกเบี้ยที่สมเหตุสมผล และให้บริษัทหักค่าใช้จ่ายได้เฉพาะส่วนที่สมเหตุสมผลเท่านั้น
  2. ภาษีหัก ณ ที่จ่าย (WHT) ดอกเบี้ย:

    • บริษัทมีหน้าที่ต้อง หักภาษี ณ ที่จ่าย 15% ของดอกเบี้ยที่จ่ายให้กรรมการ (ในฐานะบุคคลธรรมดา) และนำส่งสรรพากร
    • หากไม่หักหรือไม่นำส่ง จะมีเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม

สรุปและข้อแนะนำ:

การทำธุรกรรมเงินกู้ยืมกับกรรมการเป็นเรื่องที่ทำได้ แต่ต้องดำเนินการด้วยความโปร่งใสและรัดกุมอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่ บริษัทให้กรรมการกู้ยืมเงิน เพื่อหลีกเลี่ยงผลเสียร้ายแรงทางภาษี ควรมี:

  • สัญญาเงินกู้ที่ชัดเจน: ระบุวงเงิน, อัตราดอกเบี้ย (ควรเป็นอัตราตลาด), กำหนดชำระคืน, หลักประกัน (ถ้ามี)
  • การบันทึกบัญชีที่ถูกต้อง: บันทึกดอกเบี้ยรับ/จ่าย และการรับ/จ่ายชำระคืนอย่างสม่ำเสมอ
  • การปฏิบัติตามกฎหมายภาษี: หากมีการคิดดอกเบี้ย ต้องมีการบันทึกรายได้/รายจ่าย และดำเนินการหักภาษี ณ ที่จ่ายให้ถูกต้อง
  • วัตถุประสงค์ที่ชัดเจน: หากบริษัทให้กรรมการกู้ยืม ควรมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนและสมเหตุสมผลในเชิงธุรกิจ (หากเป็นไปได้)

หากไม่แน่ใจ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีและภาษี เพื่อวางแผนและดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายและลดความเสี่ยงต่อกิจการค่ะ

ติดต่อ AccProTax ได้เลยวันนี้

AccProTax พร้อมให้คำปรึกษาและดำเนินการจดทะเบียนแบบครบวงจร

✅ ฟรี! ให้คำแนะนำเบื้องต้น
✅ มีแพ็กเกจรายเดือน ปิดงบ รายปี
✅ ดูแลโดยทีมผู้เชี่ยวชาญจริง พร้อมให้บริการธุรกิจ SME ทุกประเภท

✅ ฟรีคำปรึกษาเบื้องต้น
✅ ดูแลเอกสารให้ครบ จดเสร็จในไม่กี่วัน
📧 อีเมล: accprotax@gmail.com
📞 โทร: 02-124-3062
LineOA: @accprotax

บริษัทแอคโปรแท็ค จำกัด รับทำบัญชี
เพราะลูกค้าคือคนสำคัญ

เรามีทีมงานที่มีประสบการณ์ด้านบัญชีและเชี่ยวชาญด้านวางแผนภาษีอากรอย่างสูงรับประกันธุรกิจของท่านจะได้การดูแล และประหยัดการเสียภาษีสูงสุด ยินดีให้คำปรึกษาสอบถามบริการ

แชร์บทความนี้ :
ค้นหา
บทความที่เกี่ยวข้อง
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม หรือคำปรึกษา

ติดต่อทีมงานของเราได้ทุกเมื่อเรายินดีให้บริการคุณอย่างเต็มที่