บริษัทซื้อรถแบบไหนถึงคุ้มภาษีที่สุด (เช่าซื้อ / ลีสซิ่ง)
ซื้อรถแบบไหนดี
เช่าซื้อ | ลีสซิ่ง | |
คำอธิบาย | เมื่อผ่อนชำระหนี้ครบตามที่กำหนด ผู้ให้เช้าจะโอนกรรมสิทธิมาให้ผู้เช่าซื้อ (อัตโนมัติ) | เมื่อจ่ายค่าเช่าครบตามที่กำหนดในสัญญาจะมีสิทธิเลือกว่าจะซื้อ หรือส่งคืนผู้ให้เช่า |
รูปแบบค่าใช้จ่าย | ค่าเสื่อมราคา | ค่าเช่า |
กรณีรถยนต์โดยสาร
มีที่นั่งไม่เกิน 10 ที่นั่ง (รถเก๋ง,SUV) |
ให้หักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาในอัตราไม่เกินร้อยละ 20 ของมูลค่าต้นทุนเฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 1 ล้านบาท (ค่าเสื่อมสูงสุด 200,000 บาทต่อปี) | ค่าเช่าไม่เกิน 1,200 บาทต่อวัน หรือ 36,000 บาทต่อเดือน หรือ 432,000 บาทต่อปี |
หมายเหตุ: | 1. เมื่อบริษัทตัดสินใจซื้อรถยนต์ รถยนต์สามารถคิดค่าเสื่อมได้อีกรอบ
2. ลีสซิ่งถือเป็นการเช่า เมื่อจ่ายเงินค่าเช่าจะต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 5% |
ถ้าจะสรุปความคุ้มค่าด้านภาษีจะได้ดังนี้
1. ถ้าเป็นรถเชิงพาณิชย์ เช่นกะบะ 2 ประตู รถกระบะ 4 ประตู รถตู้ รถบรรทุก ควรเลือกเช่าซื้อ
2. ถ้าเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 ที่นั่ง เช่น รถเก๋ง สำหรับราคารถยนต์ไม่เกิน 1 ล้านบาทควรเลือกเช่าซื้อ แต่ถ้าราคารถยนต์เกิน 1 ล้านบาทควรเลือกลีสซิ่ง
การซื้อรถยนต์แบบลีสซิ่งราคารถยนต์ที่จ่ายตลอดทั้งสัญญาจะสูงกว่าเช่าซื้อพอสมควร ดังนั้นจะต้องคำนวนเงินที่จ่ายทั้งหมดรวมกับภาษีที่ประหยัดได้ด้วย
อ้างอิง : https://www.iliketax.com/บริษัทซื้อรถแบบไหนถึงค/