Cryptocurrency คืออะไร?
หลายคนเชื่อว่าคริปโตเคอเรนซี (Cryptocurrency) และสินทรัพย์ดิจิทัลมีความหมายเหมือนกันและสามารถใช้แทนกันได้ แต่จริง ๆ แล้ว 2 คำนี้ไม่ได้มีความหมายเหมือนกันซะทีเดียว ถ้าหากพูดถึงสินทรัพย์ดิจิทัลในวงการอื่นนอกเหนือจากวงการการเงินแล้ว หลายคนอาจจะไม่ได้คิดถึงสกุลเงินดิจิทัลเลยด้วยซ้ำไป มาลองดูกันว่าที่จริงแล้ว Cryptocurrency คืออะไร และถ้าเปรียบเทียบกับสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ แล้วต่างกันอย่างไร
สินทรัพย์ดิจิทัลคืออะไร?
โดยทั่วไปแล้ว สินทรัพย์ดิจิทัลคืออะไรก็ได้ที่ถูกเก็บไว้ในระบบดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นบทความที่คุณกำลังอ่านอยู่ตอนนี้ รูปภาพบนเฟซบุ๊ก รวมถึงบรรดาเนื้อหาและสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่บนกูเกิล ทุกอย่างล้วนเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ในวงการการเงินนั้น สินทรัพย์ดิจิทัลมักหมายถึงสินทรัพย์ที่สามารถแลกเปลี่ยนซื้อขายได้ ยกตัวอย่างเช่น โทเคนทอง (Gold Token) ที่เอาไว้ซื้อขายทองบนตลาดออนไลน์ หรือ คริปโตเคอเรนซี
Cryptocurrency คืออะไร?
Cryptocurrency คือ สกุลเงินเข้ารหัส โดยคริปโตเคอเรนซีหรือ สินทรัพย์ดิจิทัลนั้น ได้รับการออกแบบมาเพื่อเป็นสื่อกลางของการแลกเปลี่ยนโดยใช้วิทยาการเข้ารหัสหรือรหัสลับ (Cryptography) ในการป้องกันและยืนยันธุรกรรม อีกทั้งยังใช้การเข้ารหัสเพื่อควบคุมการผลิตคริปโตบางประเภทอีกด้วย โดยพื้นฐานแล้วคริปโตเคอเรนซีจะมีการจำกัดการเข้าถึงฐานข้อมูล ซึ่งนั่นทำให้การเปลี่ยนแปลงข้อมูลเป็นไปได้ยากถ้าหากยังไม่ได้กรอกเงื่อนไขเฉพาะ เราสามารถซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน และสะสมคริปโตได้ นอกจากนี้คริปโตเคอเรนซียังสามารถใช้แทนมูลค่าของบริการที่ถูกสร้างไว้บนเทคโนโลยีบล็อกเชนอีกด้วย โดยบล็อกเชน หรือ บางทีก็ถูกเรียกว่าระบบบันทึกรายการธุรกรรมดิจิทัลบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Distributed Ledger Technology หรือ DLT) นั้น ทำให้ธุรกรรมของสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถเกิดขึ้นได้อย่างปลอดภัย โปร่งใส่ และปลอมแปลงได้ยาก ด้วยการใช้เครือข่ายแบบกระจายศูนย์ (Decentralization) และ การใช้รหัสผ่านแบบสร้างข้อมูลแทนตัว (Cryptographic hashing) คริปโตเคอเรนซีส่วนใหญ่ทำงานอยู่บนบล็อกเชนสาธารณะหรือบล็อกเชนวงเปิด (Public Blockchain) อย่างไรก็ตามบล็อกเชนยังมีอีกหนึ่งประเภทนั่นก็คือบล็อกเชนส่วนบุคคลหรือบล็อกเชนวงปิด (Private Blockchain)
คริปโตเคอเรนซีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคืออะไร?
บิทคอยน์คือสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกของคริปโตเคอเรนซี เนื่องจากเป็นสกุลเงินคริปโตแรกที่เกิดขึ้นบนโลก ตั้งแต่วันแรกที่บิทคอยน์ถูกสร้างขึ้นมานั้น หลายคนก็มองว่าบิทคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่เหมาะกับการสะสมและเป็นเทคโนโลยีที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการติดต่อและดำเนินธุรกรรมระหว่างบุคคล เทคโนโลยีบิทคอยน์บนบล็อกเชนนั้นทำให้ธุรกรรมระหว่างบุคคลเกิดขึ้นได้อย่างปลอดภัยและน่าเชื่อถือ โดยไม่จำเป็นต้องใช้คนกลางมาดำเนินการ ตั้งแต่มีบิทคอยน์ สกุลเงินดิจิทัลได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนดีเยี่ยมที่สุดเมื่อเทียบกับบรรดาหุ้นและสินทรัพย์ต่าง ๆ และนี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมผู้คนนิยมลงทุนกับบิทคอยน์ นอกเหนือจากบิทคอยน์แล้วยังมีสกุลเงินในโลกของคริปโตเคอเรนซีมากกว่า 5,000 สกุลเงิน โดยสกุลอื่น ๆ เหล่านี้เรียกรวมกันว่า อัลท์คอยน์ (Altcoins) ซึ่งย่อมาจาก Alternative Coin
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดในคริปโตเคอเรนซีเป็นอย่างไร?
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หรือเรียกสั้น ๆ ว่า Market Cap คำนวณได้จาก ราคาของหลักทรัพย์ คูณด้วย จำนวนหลักทรัพย์ในเวลาปัจจุบัน การคำนวณ Market Cap สำหรับคริปโตเคอเรนซีทำได้โดยการนำ จำนวนเหรียญในตลาดทั้งหมด คูณกับ ราคาเหรียญนั้น ๆ ณ ปัจจุบัน นั่นหมายความว่า ถ้าคุณดูราคาเหรียญวันที่ 13 พฤษภาคม ปี 2020 คุณจะเห็นได้ว่าในระบบมีบิทคอยน์อยู่ประมาณ 18,376,156 บิทคอยน์ และราคาตอน 11:30 น. อยู่ที่ 8,910.08 เหรียญสหรัฐ ดังนั้นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดในเวลานี้จะอยู่ที่ 18,376,156 x 8,910.08 = 163,732,989,783 เหรียญสหรัฐ
เราสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซีได้อย่างถูกกฎหมายหรือไม่?
สกุลเงินดิจิทัลมีกฎหมายที่รองรับการใช้งานแตกต่างกันออกไปในหลายประเทศ การซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลคู่คริปโตอื่นๆ เช่น การเทรดอีเธอเรียม (ETH) กับ บิทคอยน์ (BTC) นั้นมักจะสามารถทำได้อย่างถูกกฎหมาย อย่างไรก็ตาม กฎหมายที่เกี่ยวกับการเทรดสกุลเงินดิจิทัลเป็นสกุลเงินทั่วไปนั้นยังคงแตกต่างกันไปตามการพิจารณากฎหมายในแต่ละประเทศ รัฐบาลหลายประเทศมักจะเข้ามาตรวจสอบธนาคารหรือผู้ให้บริการการทำธุรกรรมระหว่างประเทศก็ต่อเมื่อมีการแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซีเป็นสกุลเงินทั่วไปและสกุลเงินทั่วไปเป็นคริปโตเคอเรนซี ดังนั้นคุณควรศึกษากฎหมายในประเทศของคุณเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฎระเบียบต่าง ๆ ในการจัดเก็บและขอยื่นภาษี
6 ข้อควรระวังก่อนลงทุนคริปโตฯ
“ก.ล.ต.”ออก “6 ข้อเตือนควรระวัง”นักลงทุนก่อนคิดจะลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล ชี้ความผันผวนสูง อย่าหลงเชื่อโฆษณา
ปรากฎการณ์ด้านราคาขาขึ้นของสกุลเงินดิจิทัล บิทคอยน์ (Bitcoin) ที่ได้ทำราคานิวไฮมาตั้งแต่ต้นปี 2564 ด้วยราคาซื้อขายกันมากกว่า 1 ล้านบาทต่อ 1 บิทคอยน์ ได้ก่อให้เกิดกระแสความตื่นตัวของนักลงทุนชาวไทย ที่เข้าไปลงทุนบิทคอยน์กันอย่างคึกคัก ขณะที่ราคา บิทคอยน์ ก็ปรับตัวขึ้น-ลง ในแต่ละวันแรงมาก เรียกว่าผันผวนสูงกว่าสินทรัพย์เสี่ยงประเภทอื่นๆ ดังนั้นใครที่เข้าลงทุนต้องรับรู้ความเสี่ยง และ ท่องไว้ในใจเสมอ High Risk Hi Return
ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ไม่เพิกเฉยต่อปรากฎการณ์ดังกล่าว ในฐานะผู้กำกับ และ ปกป้องนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อย จึงได้ออกมาเตือนเป็นระยะๆ
ล่าสุดก.ล.ต.ออก อินโฟกราฟฟิก “6 ข้อควรระวังก่อนลงทุนคริปโตฯ” ประกอบด้วย ข้อที่
1. เข้าใจลักษณะความเสี่ยงและผลตอบแทน และ อย่าหลงเชื่อการโฆษณา
2. รับความผันผวนสูง อาจขาดปัจจัยพื้นฐาน และเป็นเพียงการเก็งกำไร
3. ยอมรับการสูญเสียเงินอาจทั้งก้อนได้ โดยไม่เป็นภาระต่อตนเองและครอบครัว
4. หากไม่เคยลงทุนในหลักทรัพย์ ควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ
5. ลงทุนในสัดส่วนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
6. หมั่นติดตามบัญชีลงทุนของท่านอยู่เสมอ
แต่สิ่งหนึ่งที่นักลงทุนพึงระลึกไว้เสมอ คือ การลงทุนมีเสี่ยง ผลตอบแทน อาจไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวัง
อ้างอิง : https://zipmex.co.th/learn/what-is-cryptocurrency/
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/917315