
“ลูกค้าของเรา เจ้าของธุรกิจขายนาฬิกาและเครื่องประดับ ของพรีเมี่ยม ยอดขายกว่า 100 ล้านบาทต่อปี มอบความไว้วางใจให้ทีมงานแอคโปรแท็ค (AccProTax) ดูแลจัดทำบัญชีรายเดือน และวางแผนภาษีให้ประหยัดและปลอดภัย มาเยื่ยมสำนักงาน
เพื่อปรึกษาการวางระบบบัญชี และประกันสังคม ขยายกิจการ
ขอบพระคุณคุณคุณลูกค้ามากค่ะ”
ธุรกิจขายนาฬิกาแบรนด์เนมและเครื่องประดับพรีเมียม ในประเทศไทย มีแนวโน้มที่น่าสนใจ และมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ดังนี้
แนวโน้มปัจจุบัน:
- ตลาดนาฬิกาหรูยังคงเติบโต (แต่เปลี่ยนทิศทาง): แม้เศรษฐกิจโลกจะมีความผันผวน แต่ตลาดนาฬิกาหรูในไทยยังคงเติบโต โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง ผู้บริโภคไม่ได้ซื้อมูลค่าเพื่อการลงทุนหรือเก็งกำไรเหมือนช่วงก่อนหน้านี้มากนัก แต่หันมาให้ความสำคัญกับ “คุณค่า” ที่แท้จริงของนาฬิกามากขึ้น
- เน้นคุณค่าทางอารมณ์และเรื่องราว (Story-driven): ผู้ซื้อมองหานาฬิกาที่มีเรื่องราวเบื้องหลัง มีนวัตกรรมโดดเด่น มีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ หรือเป็นรุ่นลิมิเต็ดที่มีความพิเศษและมีคุณค่าทางอารมณ์ในการสะสม ไม่ใช่แค่การซื้อเพื่อเก็งกำไร
- ความยั่งยืนและดีไซน์วินเทจ: เทรนด์ระดับโลกเน้นเรื่องความยั่งยืน และดีไซน์วินเทจกำลังได้รับความนิยม ซึ่งสอดคล้องกับความสนใจของนักสะสมในไทย
- แบรนด์อิสระและรุ่นหายาก: แบรนด์นาฬิกาอิสระ (Independent Brands) ที่มีดีไซน์เฉพาะตัวและผลิตในจำนวนจำกัดกำลังเป็นที่สนใจของนักสะสม
- ตลาดมือสองยังคงคึกคัก: ตลาดนาฬิกาหรูมือสองยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรุ่นยอดนิยมจากแบรนด์ดังอย่าง Rolex, Patek Philippe, Audemars Piguet ที่ยังคงรักษาราคาในตลาดรองได้ดี และมีการเติบโตแซงหน้านาฬิกาใหม่ในบางช่วงเวลา
- ตลาดเครื่องประดับพรีเมียมเติบโตต่อเนื่อง: อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยเป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกสำคัญและเป็น Soft Power ที่มีมูลค่าสูง โดยเฉพาะทองและพลอยสี
- ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออก: ไทยยังคงเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญในอาเซียน ดึงดูดผู้ซื้อจากทั่วโลก
- การลงทุนในเครื่องประดับ: ผู้บริโภคเริ่มมองเครื่องประดับเป็นการลงทุนควบคู่กับการสวมใส่ โดยเฉพาะทองแท่งและทองแผ่น
- การฟื้นตัวของการท่องเที่ยว: การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่ม High-Net-Worth Individual (HNWI) และนักท่องเที่ยวจีน มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นยอดขายสินค้าหรู
- ความต้องการเฉพาะบุคคล (Customization) และงานฝีมือ (Handmade): มีแนวโน้มความต้องการเครื่องประดับที่มีดีไซน์เฉพาะตัว และงานฝีมือประณีตที่สะท้อนเอกลักษณ์
แนวโน้มในอนาคต:
- การเติบโตของกำลังซื้อและชนชั้นสูง: จำนวนประชากรที่มีรายได้สูงและชนชั้นกลาง-บนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศไทยจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนตลาดสินค้าหรู รวมถึงนาฬิกาและเครื่องประดับพรีเมียม
- การปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล (Digitalization and E-commerce): แบรนด์ต่างๆ จะให้ความสำคัญกับการนำเสนอสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง และมอบประสบการณ์การซื้อที่สะดวกสบาย
- การตลาดผ่านโซเชียลมีเดียและอินฟลูเอนเซอร์: การใช้โซเชียลมีเดียและบุคคลที่มีชื่อเสียง (Celebrity Endorsements) จะยังคงมีบทบาทสำคัญในการสร้างการรับรู้และกระตุ้นยอดขาย
- เทคโนโลยีใหม่ๆ: การนำ AI และ Blockchain มาใช้ในการออกแบบ การตรวจสอบแหล่งที่มาของอัญมณี และการซื้อขาย จะเข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมมากขึ้น
- ความยั่งยืนและจริยธรรม (Sustainability and Ethical Consumption): ผู้บริโภค โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ (Gen Z) ให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อสินค้าที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น แบรนด์ที่สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ผลิตอย่างมีจริยธรรม ใช้วัสดุรีไซเคิล หรืออัญมณีที่ปลูกในห้องแล็บ (Lab-Grown Diamonds) จะมีโอกาสในการเติบโต
- ประสบการณ์ส่วนบุคคล (Personalized Experiences): การนำเสนอประสบการณ์ที่พิเศษและเป็นส่วนตัว เช่น การออกแบบเครื่องประดับที่ลูกค้ามีส่วนร่วม หรือการจัดกิจกรรมพิเศษต่างๆ จะเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความผูกพันกับแบรนด์
- ตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Markets): ตลาดนาฬิกาวินเทจ, นาฬิกาที่เน้นฟังก์ชันเฉพาะ, หรือเครื่องประดับที่ทำจากวัสดุทางเลือก จะยังคงเป็นตลาดที่น่าจับตามอง
- ความท้าทายจากเศรษฐกิจและกำลังซื้อ: แม้ตลาดจะเติบโต แต่ความผันผวนทางเศรษฐกิจโลก อัตราเงินเฟ้อ และหนี้ครัวเรือน อาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคบางกลุ่มในระยะสั้น








