ลูกค้าของเรา นักธุรกิจดูแลสุขภาพ คลีนิคเสริมความงาม


“ลูกค้าของเรา นักธุรกิจดูแลสุขภาพ คลีนิคเสริมความงาม กำลังมาแรงในปัจจุบัน กับลูกค้าที่ทั้งสวยและเก่งของเรา ตัดสินใจมอบความไว้วางใจให้ทีมงานแอคโปรแท็ค (AccProTax)

ดูแลเปิดธุรกิจด้านสุขภาพ ทำบัญชีรายเดือนและวางแผนภาษีครบวงจร

ขอบพระคุณคุณลูกค้ามากค่ะ”

 

ธุรกิจสุขภาพและคลินิกเสริมความงามในประเทศไทยเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีพลวัตสูง โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยหลายประการ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต


สถานการณ์ธุรกิจสุขภาพในประเทศไทยปัจจุบัน:

  • การตระหนักรู้ด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้น: หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ผู้บริโภคชาวไทยให้ความสำคัญกับการดูแล รักษา และป้องกันสุขภาพมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ธุรกิจด้านนี้ได้รับความสนใจสูง

  • มูลค่าตลาดขนาดใหญ่: มูลค่าตลาดสุขภาพและเวลเนสของไทยมีขนาดใหญ่มาก โดยในปี 2562 อยู่ที่ราว 1.5 ล้านล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง

  • สังคมผู้สูงอายุ: ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ ทำให้ความต้องการบริการดูแลสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งด้านการรักษาพยาบาล การดูแลระยะยาว และการดูแลเฉพาะทาง

  • การขยายตัวของสถานพยาบาลเอกชน: โรงพยาบาลและคลินิกเอกชนมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการลงทุนในเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย และการขยายศักยภาพการรองรับผู้ป่วยทั้งในและต่างประเทศ

  • Medical Hub: ประเทศไทยยังคงเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย ทำให้ธุรกิจสุขภาพได้รับประโยชน์จากกลุ่มลูกค้าต่างชาติ

  • เทคโนโลยีสุขภาพ (HealthTech): มีการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการดูแลสุขภาพมากขึ้น เช่น Telemedicine, AI ในการวินิจฉัยโรค, Big Data สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการและลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์

แนวโน้มอนาคตของธุรกิจสุขภาพในประเทศไทย:

  • บริการด้านสุขภาพที่เข้าถึงง่ายและเป็นส่วนบุคคล: ผู้บริโภคจะต้องการบริการสุขภาพที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น สะดวกสบาย และตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคลมากขึ้น โดยเฉพาะบริการที่เน้นดิจิทัลและโมเดล “ตามความต้องการ” (Demand-driven)

  • การแพทย์เฉพาะทาง (Specialized Healthcare): ธุรกิจการแพทย์เฉพาะทาง เช่น กายภาพบำบัดสำหรับโรคเรื้อรัง (Office Syndrome), การดูแลสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ และการป้องกันโรค จะมีบทบาทและเติบโตอย่างรวดเร็ว

  • การดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน (Preventive Healthcare): ผู้คนจะหันมาใส่ใจกับการป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพมากขึ้น ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสุขภาพประจำปี, วัคซีน, โภชนาการ, การออกกำลังกาย, และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจะเติบโต

  • การใช้ข้อมูลและ AI: AI และ Big Data จะถูกนำมาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพของผู้ป่วย เพื่อให้การวินิจฉัยและการรักษาแม่นยำยิ่งขึ้น รวมถึงการทำนายความเสี่ยงของโรค

  • Wellness Tourism: การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและเวลเนส (เช่น สปา, นวดแผนไทย, รีทรีทสุขภาพ) จะยังคงเป็นที่นิยม โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติและผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ

  • การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางการแพทย์: ภาครัฐและเอกชนจะยังคงลงทุนในการขยายโรงพยาบาล คลินิก และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการแพทย์ เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น


สถานการณ์ธุรกิจคลินิกเสริมความงามของประเทศไทยในปัจจุบัน:

  • การเติบโตอย่างต่อเนื่อง: ธุรกิจบริการหัตถการเสริมความงามยังคงมีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าตลาดรวมหลายหมื่นล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตราว 10% CAGR ในช่วงปี 2022-2030

  • ขยายฐานลูกค้า: ไม่จำกัดเฉพาะผู้หญิง แต่ขยายไปยังกลุ่มผู้ชายและ Gen Z ที่หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น โดยส่วนใหญ่จะใช้บริการเพื่อการรักษาและบำรุงผิว ควบคู่ไปกับหัตถการอื่นๆ และนิยมใช้จ่ายไม่เกิน 5,000 บาทต่อครั้ง

  • การแข่งขันสูง: ตลาดคลินิกเสริมความงามมีการแข่งขันที่รุนแรงมาก ทั้งจากคลินิกรายเล็ก รายใหญ่ และคลินิกที่เน้นราคาโปรโมชั่น ทำให้ผู้ประกอบการต้องสร้างจุดเด่นและคุณภาพบริการ

  • การให้ความสำคัญกับมาตรฐานและความปลอดภัย: ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือของคลินิก คุณภาพของเครื่องมือและผลิตภัณฑ์ รวมถึงความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้ทำหัตถการมากขึ้น กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) มีการคุมเข้มกฎระเบียบและตรวจสอบคลินิกต่างๆ เพื่อให้ได้มาตรฐาน

  • การโฆษณาและการตลาด: มีการใช้ช่องทางออนไลน์และโซเชียลมีเดียในการโฆษณาและการตลาดอย่างแพร่หลาย ซึ่งบางครั้งอาจมีการโฆษณาเกินจริง ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อผู้บริโภค

แนวโน้มอนาคตของธุรกิจคลินิกเสริมความงามในประเทศไทย:

  • เทคโนโลยีและนวัตกรรม: การนำเทคโนโลยีและเครื่องมือใหม่ๆ มาใช้ในการเสริมความงามจะยังคงเป็นสิ่งสำคัญ เช่น เลเซอร์รุ่นใหม่, เครื่องยกกระชับที่ให้ผลลัพธ์ดีขึ้น, และเทคนิคการฉีดที่ปลอดภัยและเป็นธรรมชาติมากขึ้น

  • Personalization และ Customization: ลูกค้าจะมองหาบริการที่ปรับให้เข้ากับสภาพผิวและความต้องการเฉพาะบุคคลมากขึ้น คลินิกที่สามารถวิเคราะห์และนำเสนอแผนการรักษาที่ตอบโจทย์เฉพาะบุคคลจะได้รับความนิยม

  • กลุ่มลูกค้าที่หลากหลายขึ้น: ไม่ใช่แค่กลุ่มวัยรุ่นหรือวัยทำงานเท่านั้น แต่กลุ่มผู้สูงอายุก็หันมาดูแลความงามเพื่อชะลอวัยมากขึ้น รวมถึงกลุ่มผู้ชายที่ไม่ได้มองว่าการเสริมความงามเป็นเรื่องของผู้หญิงเท่านั้น

  • การดูแลแบบองค์รวม (Holistic Beauty): ความงามจะไม่ได้จำกัดแค่รูปลักษณ์ภายนอก แต่จะเชื่อมโยงกับการดูแลสุขภาพโดยรวม เช่น การปรับสมดุลฮอร์โมน, การให้วิตามิน, และการดูแลโภชนาการ เพื่อให้เกิดความงามจากภายในสู่ภายนอก

  • Medical Tourism for Aesthetics: ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับการเสริมความงามของชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นโอกาสในการดึงดูดลูกค้ากลุ่มนี้

  • กฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น: ภาครัฐจะยังคงมีการควบคุมและตรวจสอบคลินิกเสริมความงามอย่างเข้มงวด เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคและควบคุมการโฆษณาที่เกินจริง ทำให้ผู้ประกอบการต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

  • ความท้าทายด้านบุคลากร: การหาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและบุคลากรที่มีประสบการณ์ยังคงเป็นความท้าทายสำคัญ เนื่องจากความต้องการบุคลากรในตลาดที่เพิ่มขึ้น

สรุปโดยรวม:

ทั้งธุรกิจสุขภาพและคลินิกเสริมความงามในประเทศไทยมีศักยภาพในการเติบโตสูงในอนาคต โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยประชากรศาสตร์ เทคโนโลยี และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพและความงามมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีใหม่ๆ สร้างความแตกต่างในการบริการ เน้นคุณภาพและความปลอดภัย และปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวด เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจในระยะยาว

บริษัทแอคโปรแท็ค จำกัด รับทำบัญชี
เพราะลูกค้าคือคนสำคัญ

เรามีทีมงานที่มีประสบการณ์ด้านบัญชีและเชี่ยวชาญด้านวางแผนภาษีอากรอย่างสูงรับประกันธุรกิจของท่านจะได้การดูแล และประหยัดการเสียภาษีสูงสุด ยินดีให้คำปรึกษาสอบถามบริการ

แชร์บทความนี้ :
ค้นหา
บทความที่เกี่ยวข้อง
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม หรือคำปรึกษา

ติดต่อทีมงานของเราได้ทุกเมื่อเรายินดีให้บริการคุณอย่างเต็มที่