
“ลูกค้าของเรา นักธุรกิจซื้อมาขายไปสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นรอยยิ้มจากลูกค้ามอบให้แอคโปรแท็ค (AccProTax) ได้ดูแล ที่ประทับใจบริการ ดูแลการจดจัดตั้งบริษัท เปิดธุรกิจรวดเร็ว ทันใจ
และมีของแถมกว่า 50 รายการ พร้อมให้คำแนะนำด้านการวางแผนภาษี
และทำบัญชีรายเดือนต่ออีกด้วย
ขอบพระคุณมากค่ะ”
รายงานแนวโน้มธุรกิจซื้อมาขายไปสินค้าอุปโภคบริโภคของประเทศไทย ในปัจจุบันและอนาคต
ธุรกิจซื้อมาขายไปสินค้าอุปโภคบริโภค (Trading/Retail of Consumer Goods) ในประเทศไทย ยังคงเป็นภาคส่วนสำคัญที่มีมูลค่าตลาดสูงและมีการแข่งขันสูงมาก โดยได้รับอิทธิพลอย่างมากจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค เทคโนโลยี และสภาพเศรษฐกิจ
สถานการณ์ปัจจุบัน (ณ กลางปี 2568):
-
การแข่งขันที่รุนแรงในทุกช่องทาง:
-
ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade): ไฮเปอร์มาร์เก็ต ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อ ยังคงเป็นช่องทางหลักที่มีอิทธิพลสูง และมีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง
-
ร้านค้าปลีกดั้งเดิม (Traditional Trade/โชห่วย): แม้จะลดบทบาทลงบ้าง แต่ยังคงมีฐานลูกค้าในชุมชน โดยเฉพาะในต่างจังหวัด และบางรายมีการปรับตัวด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารจัดการ
-
อีคอมเมิร์ซ: การซื้อขายสินค้าอุปโภคบริโภคออนไลน์เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มหลักอย่าง Shopee, Lazada, TikTok Shop รวมถึง Social Commerce (Facebook, Line)
-
ตลาดเฉพาะทาง: ตลาดสินค้าออร์แกนิก สินค้านำเข้าเฉพาะ หรือสินค้าเพื่อสุขภาพเฉพาะทางก็กำลังเติบโต
-
-
อิทธิพลของอีคอมเมิร์ซและดิจิทัล:
-
พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป: ผู้บริโภคค้นหาข้อมูล เปรียบเทียบราคา และตัดสินใจซื้อผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น
-
โปรโมชั่นและส่วนลด: การแข่งขันด้านราคายังคงดุเดือดบนแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยมีการจัดโปรโมชั่นและแคมเปญลดราคาอย่างต่อเนื่อง
-
Logistics และ Last-Mile Delivery: ระบบการจัดส่งสินค้าถึงมือผู้บริโภค (Last-Mile Delivery) มีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างประสบการณ์ที่ดี
-
-
ความผันผวนของกำลังซื้อและต้นทุน:
-
อัตราเงินเฟ้อและกำลังซื้อ: แม้เงินเฟ้อจะเริ่มชะลอตัวลง แต่ผู้บริโภคยังคงระมัดระวังการใช้จ่าย โดยเลือกซื้อสินค้าที่คุ้มค่า คุ้มราคา หรือมองหาสินค้าทดแทน (Substitute Products)
-
ต้นทุนการดำเนินงาน: ผู้ประกอบการเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น ทั้งจากค่าขนส่ง ค่าแรงงาน และค่าการตลาดดิจิทัล
-
-
เทรนด์สินค้าที่เปลี่ยนแปลง:
-
สุขภาพและสิ่งแวดล้อม: ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสินค้าอุปโภคบริโภคที่ดีต่อสุขภาพ (Health & Wellness) และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco-friendly/Sustainable Products) มากขึ้น
-
ความสะดวกสบาย: สินค้าพร้อมทาน (Ready-to-eat), อาหารแช่แข็ง, หรือสินค้าที่ช่วยประหยัดเวลาในการเตรียมยังคงเป็นที่นิยม
-
แบรนด์ท้องถิ่นและ SME: ผู้บริโภคบางกลุ่มเริ่มหันมาสนับสนุนแบรนด์ท้องถิ่นหรือ SME ที่มีเรื่องราวและเอกลักษณ์
-
แนวโน้มในอนาคต:
-
การเปลี่ยนผ่านสู่ O2O (Online to Offline) และ Omnichannel:
-
ผสมผสานช่องทาง: ธุรกิจจะไม่มีแค่ออนไลน์หรือออฟไลน์แยกกัน แต่จะผสานรวมกันอย่างแนบเนียน ผู้บริโภคจะสามารถค้นหาสินค้าออนไลน์ เลือกซื้อที่ร้าน หรือสั่งซื้อออนไลน์และรับที่ร้านได้
-
ข้อมูลลูกค้าครบวงจร: การเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมลูกค้าจากทุกช่องทางเพื่อนำเสนอสินค้าและโปรโมชั่นที่ตรงใจมากขึ้น
-
-
Personalization และ Hyper-Personalization:
-
สินค้าเฉพาะบุคคล: การนำเสนอสินค้าและบริการที่ปรับแต่งให้เข้ากับความต้องการเฉพาะบุคคลของลูกค้าแต่ละราย โดยใช้ AI และ Big Data ในการวิเคราะห์ข้อมูลการซื้อ ประวัติการค้นหา และความสนใจ
-
การตลาดแบบเฉพาะเจาะจง: แบรนด์จะส่งข้อเสนอหรือโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของลูกค้าแต่ละคนมากขึ้น
-
-
ความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสังคม (ESG):
-
Green Consumerism: ผู้บริโภคจะให้ความสำคัญกับแบรนด์ที่ดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมมากขึ้น ตั้งแต่กระบวนการผลิต การจัดหาวัตถุดิบ ไปจนถึงบรรจุภัณฑ์
-
Circular Economy: การออกแบบสินค้าและบรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ รีไซเคิล หรือลดขยะ จะเป็นที่ต้องการ
-
-
เทคโนโลยีขับเคลื่อนธุรกิจ:
-
AI และ Machine Learning: ใช้ในการจัดการคลังสินค้า การพยากรณ์ความต้องการสินค้า การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Management) และการบริการลูกค้า
-
Automated Warehouses & Robotics: การใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในคลังสินค้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บและคัดแยกสินค้า
-
Data Analytics: การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อทำความเข้าใจตลาด พฤติกรรมผู้บริโภค และคู่แข่ง เพื่อวางแผนธุรกิจอย่างมีกลยุทธ์
-
-
การเติบโตของ Quick Commerce และ Instant Delivery:
-
ความรวดเร็วเป็นปัจจัยสำคัญ: ผู้บริโภคต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคที่จัดส่งถึงมืออย่างรวดเร็วภายในเวลาอันสั้น (เช่น ภายใน 1-2 ชั่วโมง) ทำให้ธุรกิจ Quick Commerce ที่มีคลังสินค้าขนาดเล็กกระจายอยู่ทั่วเมืองจะเติบโต
-
Dark Stores: การสร้างคลังสินค้าขนาดเล็กหรือร้านค้าที่ไม่มีหน้าร้าน (Dark Stores) เพื่อรองรับการจัดส่งด่วน
-
-
สินค้ากลุ่ม Health & Wellness และ Plant-Based:
-
ความต้องการสินค้าเพื่อสุขภาพจะยังคงเป็นเมกะเทรนด์ โดยเฉพาะสินค้าที่มีฉลาก “สะอาด” (Clean Label), มีคุณสมบัติเฉพาะทาง, และกลุ่มอาหารจากพืช (Plant-Based)
-








