“ลูกค้าของเรา นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ มอบความไว้วางใจ และเชื่อมั่นในบริการด้วยหัวใจ และความเอาใจใส่การให้บริการของแอคโปรแท็ค (AccProTax) ได้รับการดูแลจัดทำบัญชี และวางแผนภาษี อย่างดีเยี่ยมค่ะ ถ่ายรูปส่งกลับเป็นกำลังใจให้ทีมงาน

ขอบพระคุณมากค่ะ”

รายงานแนวโน้มธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ของประเทศไทย ในปัจจุบันและอนาคต

ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและนายหน้าอสังหาริมทรัพย์เป็นสองภาคส่วนที่มีความเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิดและเป็นตัวชี้วัดสำคัญของสุขภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทย ทั้งสองธุรกิจกำลังเผชิญกับความท้าทายและโอกาสที่สำคัญ

1. ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง

สถานการณ์ปัจจุบัน (ณ กลางปี 2568):

• การเติบโตจากภาครัฐ: ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างยังคงได้รับแรงขับเคลื่อนหลักจาก การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการคมนาคมขนส่งต่างๆ และโครงการในพื้นที่ EEC (Eastern Economic Corridor) ซึ่งมีงบประมาณและแผนการลงทุนต่อเนื่อง แม้บางโครงการอาจมีความล่าช้าในการเปิดประมูล

• ภาคเอกชนฟื้นตัวช้า: การก่อสร้างภาคเอกชน โดยเฉพาะ ที่อยู่อาศัย (คอนโดมิเนียม) ยังคงเผชิญกับอุปทานส่วนเกิน (Oversupply) และกำลังซื้อที่ฟื้นตัวช้า ทำให้การเปิดโครงการใหม่ๆ ยังเป็นไปอย่างระมัดระวัง โดยเน้นไปที่โครงการระดับราคาสูง หรือโครงการเฉพาะทาง ส่วนการก่อสร้างอาคารสำนักงานและโรงแรมเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวบ้าง

• ต้นทุนที่สูงขึ้น: ผู้รับเหมายังคงเผชิญกับ ต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่ผันผวนและมีแนวโน้มสูง รวมถึง ค่าแรงงาน (แม้การปรับค่าแรงขั้นต่ำจะมีผลกระทบจำกัดกับผู้รับเหมาขนาดใหญ่) ซึ่งส่งผลต่ออัตรากำไรและสภาพคล่องของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะรายกลาง-เล็ก

• การแข่งขันรุนแรง: ตลาดยังคงมีการแข่งขันที่สูงมาก ทั้งจากผู้รับเหมาไทยและ การเข้ามาแข่งขันของผู้รับเหมาต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน ซึ่งอาจมีความได้เปรียบด้านต้นทุนและเทคโนโลยี

แนวโน้มอนาคต:

• โครงสร้างพื้นฐานภาครัฐยังเป็นหัวใจสำคัญ: โครงการเมกะโปรเจกต์จะยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลักต่อเนื่องไปถึงปี 2569 และอาจมีโครงการใหม่ๆ เพิ่มเติม

• เทคโนโลยีการก่อสร้าง: การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้มากขึ้น เช่น:

  • BIM (Building Information Modeling): เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการออกแบบและบริหารจัดการโครงการ ลดความผิดพลาด

  • Pre-fabrication / Modular Construction: การผลิตชิ้นส่วนสำเร็จรูปจากโรงงานเพื่อลดระยะเวลาและแรงงานในหน้างาน

  • Green Construction / Sustainable Building: การก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การใช้วัสดุรีไซเคิล และการออกแบบอาคารประหยัดพลังงานจะมีความสำคัญมากขึ้น ตามเทรนด์ ESG (Environmental, Social, and Governance)

• การบริหารจัดการต้นทุนและแรงงาน: ผู้รับเหมาต้องหาวิธีบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อลดการพึ่งพิงแรงงาน

• ความร่วมมือและพันธมิตร: การรวมกลุ่มหรือสร้างพันธมิตรกับผู้รับเหมารายอื่น หรือผู้ผลิตวัสดุก่อสร้าง จะช่วยเพิ่มโอกาสในการประมูลงานขนาดใหญ่และลดความเสี่ยง

2. ธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์

สถานการณ์ปัจจุบัน (ณ กลางปี 2568):

• ตลาดอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัวช้า: ตลาดที่อยู่อาศัยโดยรวมยังไม่กลับมาคึกคักเท่าที่ควร โดยเฉพาะในกลุ่มระดับกลาง-ล่าง เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคฟื้นตัวช้า หนี้ครัวเรือนสูง และอัตราดอกเบี้ยที่อาจยังทรงตัวในระดับสูง

• จุดเด่นในตลาดเฉพาะกลุ่ม: ตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซ์ชัวรีและซูเปอร์ลักซ์ชัวรี ทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยว ยังคงมีสัญญาณที่ดี โดยได้รับแรงหนุนจากกำลังซื้อสูงของคนไทยและ กำลังซื้อจากชาวต่างชาติ ที่เริ่มกลับเข้ามาลงทุนและซื้อที่อยู่อาศัยในไทยมากขึ้น

• มาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ: รัฐบาลมีการประกาศผ่อนคลายมาตรการ LTV (Loan-to-Value) ชั่วคราว และการขยายมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง ซึ่งช่วยกระตุ้นตลาดและช่วยระบายอุปทานคงค้างได้ในระดับหนึ่ง

• บทบาทของแพลตฟอร์มออนไลน์: แพลตฟอร์มประกาศขาย/เช่าอสังหาริมทรัพย์ออนไลน์มีบทบาทอย่างมาก ทำให้ผู้ซื้อ/ผู้เช่าสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น และการแข่งขันระหว่างนายหน้าสูงขึ้น

• เทรนด์การเช่าที่อยู่อาศัย: คนรุ่นใหม่บางส่วนมีแนวโน้มที่จะเช่ามากกว่าซื้อ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและภาระหนี้สิน ทำให้ตลาดเช่าที่อยู่อาศัยยังคงมาแรง

แนวโน้มอนาคต:

• การฟื้นตัวที่ค่อยเป็นค่อยไป: ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะทยอยฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยได้รับแรงหนุนจากมาตรการภาครัฐและการลงทุนของต่างชาติ

• ความสำคัญของ “เอเจนต์ผู้เชี่ยวชาญ”: นายหน้าจะต้องพัฒนาตนเองให้เป็น “ผู้เชี่ยวชาญ” เฉพาะด้านมากขึ้น เช่น นายหน้าที่เชี่ยวชาญตลาดคอนโดหรู นายหน้าตลาดบ้านมือสอง นายหน้าสำหรับนักลงทุนต่างชาติ หรือนายหน้าสำหรับอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์

• Digitalization และ PropTech (Property Technology):

  • การใช้ข้อมูลและ AI: นายหน้าจะใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) และ AI มากขึ้นในการวิเคราะห์ตลาด ประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ และแนะนำทรัพย์สินที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า

  • Virtual Tours / AR/VR: การนำเทคโนโลยีเสมือนจริง (Virtual Reality) หรือการเสริมความจริง (Augmented Reality) มาใช้ในการนำเสนออสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้ลูกค้าสามารถชมทรัพย์ได้จากระยะไกล

  • แพลตฟอร์ม AI Matching: การพัฒนาแพลตฟอร์มที่ใช้ AI ในการจับคู่ผู้ซื้อ/ผู้เช่ากับอสังหาริมทรัพย์ที่เหมาะสมที่สุด

• บริการแบบครบวงจร (One-Stop Service): นายหน้าจะขยายขอบเขตการให้บริการไปสู่การเป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุน, การจัดการอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า, การให้คำแนะนำด้านกฎหมายและภาษีที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับบริการ

• การแข่งขันด้านคุณภาพและเทคโนโลยี: นายหน้าและบริษัทนายหน้าที่จะอยู่รอดและเติบโตได้ จะต้องเน้นการให้บริการที่มีคุณภาพสูง โปร่งใส และนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

สรุปภาพรวม:

ทั้งธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงการปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างจะยังคงพึ่งพิงโครงการภาครัฐเป็นหลัก ในขณะที่นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ต้องเน้นความเชี่ยวชาญเฉพาะทางและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI อย่างไรก็ตาม ทั้งสองธุรกิจมีโอกาสในการเติบโตหากสามารถปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์ความยั่งยืน การนำเทคโนโลยีมาใช้ และการตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ