ซื้อสินค้าจากต่างประเทศ ไม่มีบิล ทำอย่างไรให้บันทึกค่าใช้จ่ายได้

การซื้อสินค้าจากต่างประเทศโดยไม่มีบิล: แนวทางปฏิบัติและการบันทึกค่าใช้จ่ายตามกฎหมายภาษีไทย การซื้อสินค้าจากต่างประเทศโดยไม่ได้รับเอกสารที่เรียกว่า “บิล” หรือ “ใบกำกับสินค้า (Commercial Invoice)” เป็นปัญหาที่พบบ่อย และสร้างความยุ่งยากในการบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทให้ถูกต้องตามกฎหมายภาษีของประเทศไทยอย่างยิ่ง เนื่องจากกรมสรรพากรกำหนดให้การบันทึกค่าใช้จ่ายต้องมีหลักฐานประกอบที่น่าเชื่อถือ เหตุใดการไม่มีบิลจึงเป็นปัญหาทางภาษี? ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 65 ตรี (13) กำหนดว่า รายจ่ายที่จะถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ ต้องเป็นรายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับกิจการ และต้องมีหลักฐานอันสมควรว่าใครเป็นผู้รับและรับไปเพื่อกิจการอะไร การที่ไม่มีบิลหรือใบกำกับสินค้า ทำให้: ขาดหลักฐานการจ่ายเงิน: ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นการจ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าจริงจากผู้ขายรายใด ขาดหลักฐานการเป็นเจ้าของ: ไม่สามารถยืนยันความเป็นเจ้าของสินค้า หรือการผ่านพ้นภาระของกิจการที่ถูกต้อง ตรวจสอบความถูกต้องไม่ได้: กรมสรรพากรไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องของรายการซื้อขายได้ ทำให้เกิดความเสี่ยงในการหลีกเลี่ยงภาษี แนวทางปฏิบัติเพื่อบันทึกรายการเป็นค่าใช้จ่าย (เมื่อไม่มีบิลโดยตรง) แม้จะไม่มีบิลมาให้โดยตรงจากผู้ขาย แต่ยังมีแนวทางในการรวบรวม และจัดทำเอกสารประกอบเพื่อพยายามให้รายการนี้สามารถรับรู้เป็นค่าใช้จ่ายได้ตามหลักฐานที่เพียงพอและน่าเชื่อถือที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังนี้: หลักการสำคัญ: ต้องพยายามสร้าง “หลักฐานที่เพียงพอ” เพื่อยืนยันว่ามีการซื้อขายจริง มีการจ่ายเงินจริง และสินค้านั้นเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ เอกสารประกอบการนำเข้า (Import Documents): ใบขนสินค้าขาเข้า (Import Declaration/Customs Declaration): นี่คือเอกสารสำคัญที่สุดที่ยืนยันว่าสินค้าได้ถูกนำเข้ามาในประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมายศุลกากร ซึ่งระบุรายละเอียดสินค้า มูลค่า และผู้รับ/ผู้ส่งอย่างชัดเจน ใบเสร็จรับเงินค่าภาษีอากรนำเข้า […]

ภาษีธุรกิจเฉพาะ (ภ.ธ.40) เป็นยังไง

ภาษีธุรกิจเฉพาะ เป็นภาษีที่จัดเก็บจากการประกอบกิจการบางประเภทที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างชัดเจน ซึ่งมักจะเป็นกิจการที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) แต่ถูกกำหนดให้เสียภาษีธุรกิจเฉพาะแทน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษี และอุดช่องว่างทางภาษีในบางธุรกิจ ลักษณะของภาษีธุรกิจเฉพาะ ภาษีทางอ้อม: เป็นภาษีที่เก็บจากฐานการประกอบกิจการเฉพาะอย่าง แทนที่ภาษีมูลค่าเพิ่ม: กิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะจะได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับรายรับที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะนั้น เก็บจาก “รายรับ”: ฐานภาษีของภาษีธุรกิจเฉพาะคือ “รายรับ” ที่ได้จากการประกอบกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ไม่ใช่ “กำไร” อัตราภาษีต่ำ: โดยทั่วไปอัตราภาษีจะต่ำกว่า VAT และเป็นอัตราเดียว (ไม่ใช่อัตราก้าวหน้า) ผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะคือ ผู้ประกอบกิจการ ที่มีการดำเนินงานตามประเภทที่กฎหมายกำหนด ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา คณะบุคคล ห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือนิติบุคคล กิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะที่สำคัญ ได้แก่: กิจการธนาคาร ตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ หรือกฎหมายเฉพาะ กิจการธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ การรับประกันชีวิต ตามกฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิต การรับจำนำ ตามกฎหมายว่าด้วยโรงรับจำนำ การค้าอสังหาริมทรัพย์เพื่อหากำไร (ไม่ว่าจะเป็นการขาย การให้เช่าซื้อ หรือการให้เช่าระยะยาว) รวมถึงการประกอบกิจการอื่นในทำนองเดียวกัน สำคัญมาก: กิจการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นปกติธุระ (โดยทั่วไปคือมีการซื้อมาขายไปอย่างสม่ำเสมอ […]