รู้แล้วต้องรีบ! เบี้ยประกันสุขภาพลดหย่อนภาษีได้!
ทำประกันชีวิตและสุขภาพแล้วดียังไง…คำตอบแรกที่นึกถึง คือมีผู้ช่วยมือดีคอยดูแลค่ารักษาพยาบาลอยู่ใกล้ๆ ทั้งค่าห้อง ค่ายา ค่าหมอ และค่าใช้จ่ายทางการแพทย์อื่นๆ ระหว่างพักรักษาตัวในโรงพยาบาล เจ็บป่วยแต่ละทีก็ไม่กระทบเงินเก็บ แล้วรู้หรือไม่ว่า…นอกจากเบี้ยประกันชีวิตและเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญแล้ว เบี้ยประกันสุขภาพ ก็สามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน มาดูกันว่า สิทธิประโยชน์และเงื่อนไขต่างๆ ในการลดหย่อนภาษีจากเบี้ยประกันสุขภาพสำหรับปีภาษี 2563 (นำไปยื่นภาษีในช่วงต้นปี 2564) นี้จะมีอะไรบ้าง
ประกันสุขภาพแบบไหนที่สามารถนำไปใช้สิทธิได้
ประกันสุขภาพมีหลายแบบ และให้การดูแลแตกต่างกันไปตามแผนความคุ้มครองที่เราเลือก แต่แบบประกันที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ ต้องมีความคุ้มครองตามข้อกำหนดของกรมสรรพากร ดังต่อไปนี้
- แบบประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล อันเกิดจากการเจ็บป่วยและบาดเจ็บ การชดเชยการทุพพลภาพ และการสูญเสียอวัยวะ เนื่องจากการเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ
- แบบประกันภัยอุบัติเหตุ เฉพาะที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล การทุพพลภาพ การสูญเสียอวัยวะ และการแตกหักของกระดูก
- แบบประกันภัยโรคร้ายแรง (Critical Illnesses)
- แบบประกันภัยการดูแลระยะยาว (Long Term Care)
เบี้ยประกันสุขภาพกับเงื่อนไขการลดหย่อนภาษีสำหรับปีภาษี 2563
ด้วยส่วนหนึ่งจากสถานการณ์โรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ในปี 2563 นี้ ทางภาครัฐจึงได้ออกมาตรการดูแลเพื่อช่วยลดภาระเรื่องค่าใช้จ่ายของประชาชน โดยอนุมัติปรับสิทธิลดหย่อนภาษีของเบี้ยประกันสุขภาพให้เพิ่มขึ้นจากเดิม ในส่วนของประกันสุขภาพตนเอง
- เบี้ยประกันสุขภาพตนเอง สามารถนำมาใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง ซึ่งปีภาษี 2563 (นำไปยื่นภาษีในช่วงต้นปี 2564) เราสามารถขอลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท และเมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตทั่วไปต้องไม่เกิน 1 แสนบาทนั่นเอง
เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา
เราสามารถนำมาใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท โดยคุณพ่อหรือคุณแม่ของเราต้องมีรายได้ในปีภาษีนั้นไม่เกิน 30,000 บาท และเราจะต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย (บุตรบุญธรรมไม่สามารถใช้สิทธินี้ได้) ในกรณีที่ลูกๆ ช่วยการจ่ายค่าเบี้ยประกันภัย การขอสิทธิลดหย่อนจะถูกหารตามของจำนวนพี่น้องที่ร่วมกันจ่าย เช่น หากมีพี่น้อง 3 คน ร่วมกันทำประกันสุขภาพให้คุณพ่อคุณแม่ ลูกแต่ละคนจะขอสิทธิลดหย่อนได้ไม่เกิน 5,000 บาท จากจำนวนเต็ม 15,000 บาท ซึ่งตัวเราเองหรือคุณพ่อคุณแม่ท่านใดท่านหนึ่ง จะต้องอยู่ในประเทศไทยครบ 180 วันในปีภาษีนั้น ทั้งนี้ เรายังสามารถนำเบี้ยประกันสุขภาพของคุณพ่อคุณแม่คู่สมรสมาใช้ลดหย่อนได้เช่นเดียวกัน แต่ต้องเป็นกรณีที่คู่สมรสไม่มีเงินได้ และเรานำคู่สมรสนั้นมาใช้สิทธิลดหย่อนภาษี
นอกจากนี้ ต้องไม่ลืมแจ้งความประสงค์ที่จะใช้สิทธิลดหย่อนภาษีนี้ให้กับบริษัทที่สมัครทำประกันไว้ทราบด้วย เพื่อจะได้ดำเนินการนำส่งข้อมูลเบี้ยประกันสุขภาพให้กับกรมสรรพากร ที่สำคัญคือไม่ควรวางแผนทำประกันสุขภาพเพื่อใช้สิทธิในระยะเวลาที่กระชั้นชิดจนเกินไป เนื่องจากทุกแบบประกันมีระยะเวลารอคอยการอนุมัติ ทางที่ดีควรซื้อความประกันสุขภาพเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ
เพื่อให้เป็นไปตามการวางแผนเพื่อลดหย่อนภาษีของเรา และ อนาคตเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน เจ็บป่วยจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ไม่มีใครทราบได้ เราจึงควรเตรียมรับมือด้านสุขภาพให้พร้อม
เรื่อง การลดหย่อนภาษีด้วย “เบี้ยประกันสุขภาพ” ซึ่งได้มีประกาศจากกรมสรรพากรให้สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้เริ่มตั้งแต่ปีภาษี 2560 เป็นต้นไป
เพื่อเป็นข้อมูลในการลดหย่อน เพื่อยื่นเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยมีเงื่อนไขและรายละเอียดในการใช้สิทธิลดหย่อน ดังนี้
>>> การลดหย่อนเบี้ยประกันสุขภาพตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 15,000 บาท <<<
– เป็นการประกันสุขภาพ
- ที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลอันเกิดจากการเจ็บป่วยและการบาดเจ็บ การชดเชยการทุพพลภาพและการสูญเสียอวัยวะ
เนื่องจากการเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ การทุพพลภาพ การสูญเสียอวัยวะ และการแตกหักขอกระดูก
- การประกันภัยอุบัติเหตุเฉพาะที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาล
- การประกันภัยโรคร้ายแรง (Critical Illnesses)
- การประกันภัยการดูแลระยะยาว ( Long Term Care )
– เป็นเบี้ยประกันสุขภาพเฉพาะตัวของผู้มีเงินได้
– เมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตแล้ว ลดหย่อนได้ไม่เกิน 100,000 บาท
– มีหลักฐาน ใบเสร็จหรือหนังสือรับรองจากบริษัทประกัน
– บริษัทประกันชีวิตต้องส่งข้อมูลผู้เอาประกันให้แก่กรมสรรพากร (เริ่มปี 2561)
– สำหรับเบี้ยประกันที่ชำระตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 เป็นต้นไป
จากข้อมูลข้างต้น สามารถเป็นข้อมูลการวางแผนภาษีให้กับหลายๆท่านเลย
วางแผนภาษีตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อผลิตภัณฑ์การเงินอย่าง ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันบำนาญ กองทุนรวม LTF RMF ซึ่งท่านสามารถวางแผนกันล่วงหน้า หรือสามารถทยอยซื้อก่อนได้
การวางแผนภาษี ข้อดีคือ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย แต่สิ่งที่ควรคำนึงถึงอีกอย่าง คือ กระแสเงินสด หรือ เงินในกระเป๋าของเราเอง ควรวางแผนให้เหมาะสมกับความสามารถในการชำระของเราด้วย
ที่มา : https://www.muangthai.co.th/th/article/are-health-insurance-premiums-tax-deductible