ถ้าจ่ายเบี้ยประกันต่อไปไม่ไหว เราควรทำอย่างไรดี ?

ถ้าจ่ายเบี้ยประกันต่อไปไม่ไหว เราควรทำอย่างไรดี ?

สำหรับคนที่จ่ายเบี้ยประกันไม่ไหวแล้วคิดจะเวนคืนประกันเพื่อให้จบๆไป ลองเช็ครายละเอียดตามนี้ก่อนตัดสินใจ

เพราะอาจจะทำให้เราบริหารจัดการเงินได้ดีขึ้นและไม่เสียประโยชน์ที่จะได้รับจากประกันครับ

เริ่มต้นจากทำความเข้าใจว่าเหตุผลที่ขาดสภาพคล่องคืออะไร เหตุการณ์ที่ทำให้เราไม่สามารถจ่ายเบี้ยต่อได้

หากมาจากการขาดสภาพคล่องในช่วงเวลานี้ ลองประเมินสถานการณ์ดูว่ามันเป็นเรื่องชั่วคราว หรือว่าเป็นเรื่องถาวรระยะยาวแน่นอนทีต้องเจอถ้าคำตอบคือเป็นเรื่องชั่วคราวที่จะหายไปในอีก 1-2 ปีข้างหน้าเราอาจจะเลือกทาง”กู้กรมธรรม์” ก่อนเพื่อสร้างเสริมสภาพคล่องให้กับตัวเอง โดยสิ่งสำคัญ คือ ต้องรู้ “มูลค่าเงินสด” ว่าตอนนี้เรามีคงเหลือเท่าไรโดย มูลค่าเงินสด เป็นมูลค่าที่เกิดขึ้น จากการที่เราจ่ายค่าเบี้ยประกัน และบริษัทประกันชีวิตได้นำค่าเบี้ยส่วนที่เหลือ หลังจากหักค่าธรรมเนียมในการบริหารกรมธรรม์ และค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการประกันชีวิตเรียบร้อยแล้ว ไปลงทุนบริหารจัดการให้ได้ผลตอบแทนกลับมา บริษัทก็จะแบ่งผลตอบแทนส่วนหนึ่งกลับมาให้เราอยู่ในกรมธรรม์ทุกปีที่เราจ่ายเบี้ยประกัน ซึ่งถ้ายิ่งเราจ่ายเบี้ยนานแค่ไหน มูลค่าเงินสดก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้นนั่นเองแต่อย่างไรก็ดี การกู้กรมธรรม์แบบนี้ มีเงื่อนไขว่าต้องชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยด้วยเราจึงต้องมั่นใจว่าสามารถใช้คืนได้ตามที่ตั้งใจไว้จึงไม่เหมาะกับคนที่ไม่มั่นใจว่าสภาพนี้เป็นเรื่องชั่วคราวจริง ๆ หากคิดว่าไม่ไหวแน่ๆ และไม่อยากกู้เพิ่มเพราะหนี้ที่มีก็ลำบากมากเพียงพอแล้ว เราจะมีทางเลือก 3 ทางต่อไปนี้ นั่นคือ

  1. เวนคืนกรมธรรม์ หรือ ปิดกรมธรรม์ก่อนกำหนดโดยทางเลือกนี้คือการหยุดทุกอย่างแล้วได้เงินคืนโดยเงินที่คืนก็คือมูลค่าเงินสดที่เราจะได้รับ ดังนั้นใครจ่ายเบี้ยไม่นาน เงินตรงนี้ก็จะได้น้อยและอาจจะไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่เราจ่ายไปก่อนหน้านี้
  2. เลือกใช้เงินสำเร็จ คือ การหยุดจ่ายเบี้ย แต่ยังมีความคุ้มครองต่อไปจนครบสัญญาเหมือนเดิม แต่ต้องทำใจว่าความคุ้มครองที่มีอยู่อาจจะลดลงบางกรณีอาจจะได้เงินก้อนหนึ่งคืนทันทีก็ได้ (ขึ้นอยู่กับการจ่ายเบี้ย)แต่พูดง่าย ๆ คือ ลดความคุ้มครองที่มีอยู่แต่ไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม ยังได้ความคุ้มครองต่อไป
  3. ขยายเวลา คือ การหยุดจ่ายเบี้ย (เหมือนกัน) โดยได้ความคุ้มครองเท่าเดิมไม่ถูกลดลงไป แต่ระยะเวลาการคุ้มครองอาจจะลดลงไปเช่นกันบางกรณีอาจจะได้เงินก้อนหนึ่งคืนทันทีก็ได้ (ขึ้นอยู่กับการจ่ายเบี้ย)โดยข้อแรกจะเหมาะกับคนที่ต้องการเงินคืนและไม่ต้องการความคุ้มครองอีกต่อไปในอนาคตส่วนข้อ 2 กับ 3 จะเหมาะกับคนที่ต้องการความคุ้มครองต่อแต่ต้องเลือกว่าจะลดอะไรระหว่างเวลาหรือจำนวนเงินที่คุ้มครอง

อ้างอิง : https://www.facebook.com/TaxBugnoms/posts/5833914756633892

Start typing and press Enter to search

Shopping Cart