ความสัมพันธ์ระหว่างวงจรทางธุรกิจกับกระแสเงินสด
วงจรธุรกิจ คือ กระบวนการผลิตเงินสด โดยในขั้นแรกเงินสดจะแปรสภาพอยู่ในรูปของวัตถุดิบ จากนั้นเมื่อผ่านกระบวนการต่างๆก็จะเพิ่มมูลค่าให้สูงขึ้นแล้วแปรเปลี่ยนไปเป็นสินค้าและขายสินค้าที่ผลิตออกมาสำเร็จให้กับลูกค้า เปลี่ยนเป็นยอดขายค้างรับ จากนั้นเมื่อเก็บเงินได้ ก็จะถูกโอนไปยังบัญชีธนาคาร แล้วกลับมาเป็นเงินสดอีกครั้งหนึ่ง เป็นอันว่าครบหนึ่งวงจร
เมื่อวงจรธุรกิจหมุนซ้ำๆแล้วมีเงินสดเพิ่มมากขึ้น เราจึงเรียกว่า “กระแสเงินสดสำหรับการบริหาร” สิ่งที่สำคัญในการบริหารธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ คือ การใช้เงินทุนปริมาณน้อย แต่หมุนด้วยความเร็วสูง ซึ่งทำให้กระแสเงินสดสำหรับการบริหารเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย
กำไร คือ ส่วนต่างของยอดขาย (ยอดขายค้างรับ) กับค่าใช้จ่าย (ต้นทุนสินค้า) โดยปกติแล้วจะคำนวณกำไรเมื่อมีการส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้า แต่ทว่าการเก็บเงินจากยอดขายค้างรับจะทำหลังจากนั้น ทำให้การคำนวณกำไรกับการเพิ่มขึ้นของเงินสดมีจังหวะที่ต่างกัน
ในกรณีที่กำไรกับกระแสเงินสดสำหรับการบริหารมีความแตกต่างกันมาก เมื่อมีกำไรเกิดขึ้นก็เอาเงินที่ได้จากการขายไปใช้เสียหมด และเมื่อผลิตสินค้าที่เหมือนกันอีกครั้งหนึ่ง ก็ปรากฎว่าครั้งนี้ขายไม่ได้เลย แต่ต้องปิดบัญชี ถึงตอนนี้ในมือไม่มีเงินสดคงเหลืออยู่ แต่ทว่าทางการบัญชีกลับปรากฎว่ามีกำไรเกิดขึ้น เช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะขายสินค้าหมด แต่ไม่สามารถเก็บยอดขายค้างรับได้เลย ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็จะเหมือนกัน ดังนั้น การที่มีกำไร (เป็นบวก) กับการที่มีเงินสดอยู่ในมือเป็นคนละเรื่อง ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน
ตารางที่อธิบายการเพิ่มลด และยอดคงเหลือของเงินสดในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เรียกว่า ตารางกระแสเงินสด ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน
- กระแสเงินสดสำหรับการบริหาร (Cash Flow /CF การบริหาร)
ในวงจรธุรกิจ เราเรียกเงินสดที่เพิ่มขึ้นว่า “CF การบริหาร” หมายถึง มูลค่าที่เกิดจากการนำค่าเสื่อมราคาบวกเข้ากับกำไร (ยอดขาย-ค่าใช้จ่าย) งวดนี้ จากนั้นนำส่วนที่เพิ่มขึ้นของเงินทุนดำเนินการ (สินค้าคงคลัง+ยอดขายค้างรับ-ยอดซื้อค้างจ่าย) ไปหักออก การที่เอาค่าเสื่อมราคาบวกเข้าไปด้วย เหตุผลก็คือ ค่าเสื่อมราคาเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ทำให้เกิดการจ่ายเงินสดออกไปนั่นเอง หมายความว่า ถ้าหากว่าเงินทุนดำเนินการมีเพิ่มขึ้นมากกว่า กำไร+ค่าเสื่อมราคา (เรียกว่า กำไรเงินสด) ก็จะทำให้ CF การบริหารติดลบ จึงอยู่ในสภาพที่เรียกว่า “บัญชีถูกต้อง แต่เงินสดไม่พอ”
- กระแสเงินสดสำหรับการลงทุน (Cash Flow /CF การลงทุน)
การรับหรือจ่ายเงินสดที่เกี่ยวข้องกับการซื้อหรือขายทรัพย์สินถาวร เรียกว่า “CF การลงทุน” ในทางรูปธรรมจะมีการซื้อหรือขายเครื่องจักรอุปกรณ์ อาคาร ที่ดิน หุ้นของบริษัทลูก การซื้อขายหุ้นที่มีอยู่ เพื่อวัตถุประสงค์ทางการลงทุน การให้กู้ หรือคืนเงินกู้ให้บริษัทลูก เป็นต้น บริษัทที่มีความแข็งแกร่งจะมีการดำเนินกิจกรรมการลงทุนอย่างจริงจัง ดังนั้นค่าตัวเลขนี้มักจะติดลบ
หรือเมื่อเศรษฐกิจตกต่ำ บริษัทพยายามจะไม่ลงทุน CF การบริหาร ก็จะลดน้อยลง บริษัทจะอยู่ต่อไปได้อย่างน้อยที่สุดจำเป็นต้องมีรายจ่ายเพื่อการลงทุนให้ เพียงพอที่จะรักษาสภาพปัจจุบันไว้ ตัวเลขที่ได้จากการนำ CF การลงทุน ไปลบออกจาก CF การบริหาร เรียกว่า “Free Cash Flow (FCF)” ในการบริหารกระแสเงินสดนั้น โดยหลักแล้ว FCF จะต้องมีสภาพเป็นบวก หมายความว่า “ผู้บริหารควรจะทำให้ CFC การบริหารมีมากที่สุด แล้วทำการลงทุนที่มีประสิทธิผลภายในกรอบนั้น ๆ”
- กระแสเงินสดทางการเงิน (Cash Flow /CF ทางการเงิน)
การกู้เงินจากธนาคาร การออกพันธบัตรบริษัท การออกหุ้น (เพิ่มทุน) การจ่ายเงินปันผล การซื้อหุ้นบริษัทตัวเอง ฯลฯ พฤติกรรมเหล่านี้เป็นการรับจ่ายเงินสดเพื่อการสร้างพื้นฐานทางธุรกิจ จึงเรียกว่า “CF ทางการเงิน”
ถ้ามองจากจุด ยืนของการบริหารกระแสเงินสด การลงทุนควรจะอยู่ภายในกรอบของ CF การบริหาร แต่ทว่าการลงทุนซื้อเครื่องจักรขนาดใหญ่หรือการซื้อกิจการบริษัทลูก ยอดเงินเพียงเท่านั้นคงจะไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงต้องจัดหาจากการกู้ยืมธนาคารหรือการเพิ่มทุน
บทความโดย: https://th.jobsdb.com